ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
เผยแพร่ |
ขยะพลาสติกกลายเป็นหัวข้อที่โลกต้องตระหนัก เพราะขยะเหล่านี้กำลังย้อนกลับมาคุกคามสิ่งมีชีวิต
เข้าหลักกฎแห่งกรรม มนุษย์ทำกรรม มนุษย์ก็ต้องรับกรรม
ดังนั้น โลกทั้งใบจึงเริ่มออกรณรงค์กันเรื่องขยะพลาสติก รวมไปถึงขยะอุตสาหกรรม
ทำอย่างไรให้ลดลง ทำอย่างไรให้หายไป
เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เอสซีจี จัดงาน SD Symposium 10 Years : Collaboration for Action ขึ้นมา
อ่านรายละเอียดที่มีการนำมาเผยแพร่แล้วเห็นทางออกของปัญหาขยะพลาสติก
ภายในงานวันนั้น รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เล่าให้ผู้เข้าฟังได้ยิน
ปี ค.ศ.2050 คาดว่าประชากรโลกจะสูงถึง 9.7 พันล้านคน
คนจำนวนที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่ความต้องการในการบริโภคที่เพิ่มขึ้น
แต่ทรัพยากรโลกมีจำกัด เราจะอยู่กันอย่างไร
ข้อมูลสำหรับประเทศไทย รุ่งโรจน์เปิดเผยว่า คนไทยหนึ่งคนสร้างขยะเฉลี่ย 1.15 กิโลกรัมต่อวัน
ปี 2561 ไทยมีขยะถึง 28 ล้านตัน หากขาดการจัดการที่ดีจะมีปัญหา
ขยะส่วนหนึ่งไหลลงสู่ทะเล ทำให้สัตว์ทะเลตาย ดังเช่นกรณีพะยูนมาเรียม
ทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว รุ่งโรจน์บอกว่า แนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ Circular Economy สามารถช่วยได้
เศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นการหมุนเวียนเอาทรัพยากรที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตอีก หรือ Make-Use-Return
Make คือ ผลิตสินค้าโดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด
Use คือ ใช้สินค้านั้นๆ อย่างคุ้มค่า
Return คือ นำกลับมาผลิตใหม่ สร้างประโยชน์ใหม่ เพื่อให้คุ้มค่าสูงสุด
สำหรับเอสซีจีนั้นนำเอาแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ดำเนินธุรกิจ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก
หนึ่ง Reduce และ Durability หรือการลดใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิต
และการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น
สอง Upgrade และ Replace คือ การพัฒนานวัตกรรมเพื่อทดแทนสินค้าหรือวัตถุดิบชนิดเดิม
เช่น บรรจุภัณฑ์ใส่อาหารที่ทำจากเยื่อธรรมชาติ เพื่อทดแทนการใช้กล่องโฟม
สาม Reuse หรือ Recycle ซึ่งเป็นการเพิ่มความสามารถในการหมุนเวียนสินค้าที่ใช้งานแล้วให้กลับมาใช้ใหม่
ภายในงานแสดงความสำเร็จในการร่วมมือกับพันธมิตรกว่า 45 ราย
ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน
พร้อมกันนี้ยังเอื้อมมือไปเกี่ยวกับภาคีเครือข่ายระดับโลกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นสภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือสหประชาชาติ
ถ้าภาคีเครือข่ายนี้ขยายตัว โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีสูง
นี่ถ้าภาคเอกชนเริ่มต้นแล้วภาครัฐเข้าไปหนุนเสริม และนำเอาความหลากหลายในชุมชนเข้ามาผนึก
ไทยน่าจะมีโมเดลลดขยะที่สัมฤทธิผลในรูปแบบ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ได้
เชื่อว่า ณ ปัจจุบันทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนรับทราบถึงปัญหาขยะที่เกิดขึ้น
หลายชุมชนจัดการขยะเปียกขยะแห้งไปตามกำลังที่มีอยู่
ชุมชนไหนจัดการได้ ความสุขความปลอดภัยก็เกิดขึ้นในชุมชนนั้น
ความสำเร็จของชุมชนเกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือ
ความร่วมมือเกิดขึ้นได้เพราะการส่งให้เสริมทุกฝ่ายมีส่วนร่วม
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จเรื่องขยะมักเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วม
ก่อเกิดเป็นความร่วมมือ และเดินเข้าสู่เป้าหมายไปด้วยกัน
วันนี้โลกทั้งใบกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาขยะพลาสติก
ได้ยินว่า ภาคีกว่า 35 บริษัทชั้นนำของโลกตั้งใจจะจัดการขยะ โดยเฉพาะขยะพลาสติกในทะเล
ได้ยินมาว่า มีความร่วมมือกันระหว่างสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อจัดการขยะพลาสติกในไทย
ตั้งเป้าหมายนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2570
ทำให้ปริมาณขยะพลาสติกในทะเลไทยลดลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2570
นอกจากนี้ ยังได้ยินว่ามีความร่วมมือกับคนในชุมชนหลายแห่งเพื่อจัดการปัญหาขยะนี้แล้ว
แม้ฟังแล้วพบวิธีจัดการขยะที่คล้ายๆ เก่า เช่น การคัดแยกขยะ แต่ความคึกคักครั้งใหม่มีมากกว่าเดิม
ที่ผ่านมา เมื่อคัดแยกขยะเสร็จ ทุกอย่างก็จบ ไม่รู้ว่าจะแยกขยะไปทำไม
แต่ตอนนี้ เมื่อมีการเชื่อมต่อข้อมูล ทำให้คนในชุมชนรู้ว่าขยะที่คัดแยกนั้นสามารถ “หมุนเวียน” นำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
บางส่วนกลับมาใช้งานได้อีก บางส่วนแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้
เมื่อคนรู้ว่ามีประโยชน์ สุดท้ายความร่วมมือก็เกิดในชุมชน
และความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นในลำดับต่อมา
เหมือนดั่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นในชุมชนบ้านรางพลับ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
เกิดขึ้นในชุมชน ต.บ้านสา และ ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ชุมชนโขดหิน 2 และชุมชนเขาไผ่ อ.เมือง จ.ระยอง
เช่นเดียวกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นในโรงเรียนและชุมชนมดตะนอย ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง
รวมทั้ง โรงเรียนและชุมชนรอบบางซื่อ ในเขตกรุงเทพฯ ด้วย
ทุกแห่งที่กล่าวมาดำเนินการได้สำเร็จเพราะเกิดความร่วมมือ
ร่วมมือกันใช้ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” จัดการกับขยะพลาสติก
ทำขยะไม่ให้เป็นขยะด้วยการนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่
วันนี้เครือข่าย “เศรษฐกิจหมุนเวียน” เริ่มก่อตัว
บางทีอีกไม่นาน พลาสติกที่ถูกมองว่าเป็นขยะจะกลายวัตถุดิบในการผลิต
ไม่ได้เป็นขยะที่ใช้แล้วทิ้งเหมือนดั่งปัจจุบัน