ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
เผยแพร่ |
งานมหกรรมหนังสือระดับชาติที่อิมแพค เมืองทองธานี เสร็จสิ้นไปแล้ว
หนังสือเล่มหนึ่งที่เป็นแถวหน้าของงานมหกรรมหนังสือฯครั้งนี้คือหนังสือของเจ้าสัวธนินท์
หนังสือชื่อ “ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว” โดย ธนินท์ เจียรวนนท์
ก่อนงานมหกรรมหนังสือเคยเกริ่นไปบ้างแล้ว
ตอนนั้นยังไม่มีโอกาสได้อ่าน
หลังงานมหกรรมหนังสือผ่านพ้น มีโอกาสได้อ่านแล้ว
จึงขอถามอีกหลายๆ คนว่าได้อ่านกันแล้วหรือยัง
ถ้ายังไม่อ่าน ขอแนะนำว่าต้องหามาอ่าน
หนังสือเล่มนี้คือคัมภีร์แห่งความสำเร็จที่เจ้าสัวธนินท์ถ่ายทอดออกมา
เป็นการถ่ายทอดผลึกความคิดที่ผู้อ่านสามารถนำไปใช้ในชีวิตได้หลายมิติ
ทั้งการพัฒนาตัวเอง ทั้งการพัฒนาผู้อื่น ทั้งการพัฒนาองค์กร
และยังรวมไปถึงการพัฒนาประเทศด้วย
การนำเสนอเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ ขอบอกว่า อ่านง่าย ได้ความรู้ จุดประกายความคิด สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตได้
อ่านแล้วได้รับทราบมุมมองการทำธุรกิจจากไอเดียเจ้าสัว
รับทราบคำแปลของ “เจียไต๋” ที่หมายถึง ซื่อตรง ซื่อสัตย์ คุณธรรม ที่ยิ่งใหญ่มหาศาล
รับทราบจังหวะก้าวของธุรกิจภายใต้การบริหารงานของเจ้าสัว จากไทยขยายไปสู่จีนและแผ่กว้างไปสู่โลก
ได้รับทราบไอเดียการเพิ่มประเภทธุรกิจจากการเกษตรไปเป็นรถจักรยานยนต์ และโทรคมนาคม
ประสบการณ์เจ้าสัวตอนบุกเบิกตลาดรถจักรยานยนต์ในจีนนี่ อ่านแล้วสนุก
ความคิดที่จะลงทุนเกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคม อ่านแล้วเป็นบทเรียนการมีวิชั่น
นอกจากนี้ ยังทราบถึงวิธีการฟันฝ่ามรสุมในช่วงเวลาวิกฤต และเรียนรู้วิธีการที่ทำให้รอดพ้นจากวิกฤตมาได้
หลายคนคงทราบแล้วว่า เจ้าสัวผลักดันทฤษฎีสองสูงให้เป็นทางออกให้เกษตรกรไทยมานานแล้ว
หนังสือเล่มนี้ก็นำเอาแนวคิดนั้นมาอธิบายความอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าการทำให้เกษตรกรมีรายได้สูงอย่างยั่งยืนจะเป็นความฝันของเจ้าสัว
หนังสือเล่มเดียวกันนี้ ยังนำเสนอมุมมองของเจ้าสัวธนินท์ในเรื่องคน
แต่ละมุมมองได้ฝากข้อคิดเอาไว้ให้
ไม่ว่าจะเป็นการให้โอกาส “คนเก่ง” ไม่ว่าจะเป็นการรับฟังคนอื่น เพื่อเพิ่มพูนความรู้
การศึกษาหาข้อมูลเชิงลึก การบริหารงานแบบรู้รอบ
ให้ข้อคิดผู้บริหารเกี่ยวกับเรื่องคน และอื่นๆ อีกมากมาย
กระทั่งปัจจุบันเครือซีพีได้เปิด “โรงเรียนผู้นำสอนผู้นำ” ขึ้นมาแล้ว
รายละเอียดอื่นๆ ในด้านต่างๆ หากใครได้ฟังเจ้าสัวธนินท์บรรยายเมื่อวันก่อนก็คงสัมผัสได้ถึง “คมความคิด”
ถ้าใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว คงยอมรับในความสามารถของเจ้าสัวธนินท์
สิ่งสำคัญที่รู้สึกได้หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้คือ กุศลกรรม
คนคนหนึ่งที่ฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการขึ้นไปยืนอยู่แถวหน้าได้
ต้องคิดดี ทำดี ต้องมีเป้าหมายเพื่อคนส่วนใหญ่
คิดดีๆ กับตัวเอง ทำให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า
ถ้ามัวแต่คิดว่าขาดคน ขาดเงิน ขาดโน้น ขาดนี่ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ
สุดท้ายชีวิตล้มเหลว พ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
คิดดีๆ กับผู้อื่น ทั้งการให้โอกาสกับพนักงานที่เก่ง และอยากเห็นคนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองได้
และที่สำคัญคือต้องคิดดีต่อคนส่วนใหญ่ อยากเห็นประเทศก้าวหน้าพัฒนาไกล
กลายเป็นหลักการ 3 ประโยชน์ที่เจ้าสัวธนินท์บอกเอาไว้
นั่นคือ ประเทศได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ และบริษัทได้ประโยชน์
เมื่อคิดดีแล้วก็ต้องทำดีด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
เพราะคนเก่งวันนี้อาจจะไม่ใช่คนเก่งในวันรุ่งขึ้น
ต้องลงมือทำงานจริง เพราะถ้าไม่ทำงานก็จะไม่รู้รสชาติของความสำเร็จและความล้มเหลว
การลงมือทำ เมื่อสำเร็จก็จะรู้ว่าวิธีการใดจึงทำให้ประสบผล
และเมื่อล้มเหลวก็จะได้จดจำ กลายเป็นบทเรียนที่จะไม่ทำอีก
ในช่วงท้ายๆ ของเล่ม เจ้าสัวยังให้ความสำคัญต่อความสามัคคี
ความสามัคคีมีความสำคัญต่อธุรกิจมาก
เจ้าสัวได้ตั้งกฎเหล็กเพื่อรักษาความปรองดองของครอบครัวเอาไว้ด้วย
ทุกอย่างที่ทำ เพราะต้องทำ
ทุกอย่างต้องทำเพื่อเป้าหมายคือความสำเร็จของทุกคน
หนังสือเล่มนี้ได้ฉายภาพความคิดของเจ้าสัวที่ทำให้ชีวิตและธุรกิจประสบความสำเร็จ
แต่ละห้วงเวลาเจ้าสัวตกผลึกความคิด
เรื่องงาน เรื่องคน เรื่องครอบครัว
และสุดท้ายของสุดท้ายที่เจ้าสัวสรุปเคล็ดวิชาสู่ความสำเร็จเอาไว้เป็นชื่อของหนังสือ
“ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว”
เชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะมองเห็นแนวทางเดินของตัวเอง
และหวังว่าเนื้อหาของหนังสือจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน เป็นส่วนหนึ่งที่จุดประกายชีวิตให้นักธุรกิจไทย
เป็นไปตามเจตนาที่ระบุไว้ในข้อความที่โปรยไว้ด้านล่างของปกหน้า
“หนังสือที่เป็นกำลังใจให้นักธุรกิจทุกคน สู้ต่อไป”