ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
ป้ายอธิบายโบราณสถานตามแนวทางสากลนิยม เรียบเรียงเฉพาะใจความสำคัญอย่างง่ายๆ สั้นๆ กะทัดรัด แล้วติดตั้งอย่างต่ำเตี้ยนอบน้อม ไม่โลดโผนฉูดฉาด ด้วยวัสดุไม่เกะกะเก้งก้าง แต่สังเกตได้ไม่ยาก โดยไม่บดบังโบราณสถาน
แต่ในไทยมีปัญหาติดตั้งป้ายให้เหมือนสิ่งแปลกปลอมอยู่ท่ามกลางบรรยากาศคลาสสิก
ศาลพระอิศวร คัดย่อจากหนังสือนำชมฯ ของกรมศิลปากร ดังนี้
แต่เดิมได้ประดิษฐานเทวรูปจำนวนหลายองค์
หนึ่งในนั้นคือรูปหล่อพระอิศวรสำริด ซึ่งเมื่อพุทธ ศักราช 2426 ชาวเยอรมันชื่อนายรัสต์มัน ได้ลักลอบตัดพระเศียรและพระกรทั้งสองข้างเพื่อนำออกนอกประเทศ แต่กงสุลเยอรมันจับได้และอายัดไว้ก่อน พร้อมทั้งแจ้งให้ฝ่ายไทยทราบ
หลังจากนั้นอีกหนึ่งปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีรับสั่งให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ (อธิบดีกรมช่างสิบหมู่ในขณะนั้น) นำพระเศียรและพระกรเชื่อมติดกับองค์เทวรูปดังเดิม
จนเมื่อมีการจัดตั้งมิวเซียมหลวงในบริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล ได้อัญเชิญเทวรูป
พระอิศวรมาประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ กระทั่งสมัยรัชกาลที่ 7 ย้ายองค์เทวรูปนี้ไปจัดแสดงในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยรวมกับศิลปโบราณวัตถุชิ้นอื่นๆ
ต่อมาในพุทธศักราช 2514 จึงอัญเชิญมาจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร จนถึงปัจจุบัน
เทวรูปพระอิศวร คัดย่อจากหนังสือนำชมฯ ของกรมศิลปากร ดังนี้
หล่อด้วยสำริดประทับยืน 1 เศียร 2 กร โดย
รอบฐานเทวรูปมีจารึกอักษรไทย สรุปใจความ
สำคัญว่า พ.ศ.2053 เจ้าพระยาศรีธรรมโศกราชได้ประดิษฐานเทวรูปพระอิศวรนี้ไว้เพื่อให้ปกป้อง
คุ้มครองมนุษย์และสัตว์ที่อาศัยอยู่ภายในเมืองกำแพงเพชร
กล่าวถึงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามทั้งในเมืองและนอกเมืองกำแพงเพชร รวมทั้งมีรับสั่งให้ขุดลอกคลองแม่ไตรบางพร้อและคลองส่งน้ำจากเมืองกำแพงเพชรไปถึงเมืองบางพาน