แท็งก์ความคิด : สวัสดี ‘โควิด’

แท็งก์ความคิด : สวัสดี ‘โควิด’

ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ชื่อโควิด-19 มาระยะหนึ่งแล้วต้องทำใจ

ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของไวรัสตัวนี้มิอาจหลีกเลี่ยง

แม้ว่าใจอยากจะไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดเลย แต่เมื่อมีคนหนึ่งเป็น และมีอีกคนหนึ่งติดเชื้อ โอกาสที่คนอื่นๆ จะป่วยด้วยก็ย่อมมี

เหมือนดั่งที่แพทย์อธิบายว่า ไวรัสโคโรนา 2019 ตัวนี้คือ “โรคอุบัติใหม่” ที่ทุกคนไม่มีภูมิคุ้มกัน

Advertisement

ทำให้ทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ไม่ว่าจะแข็งแรงแค่ไหน ก็มีโอกาสป่วย

แต่คนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงวัย คนมีโรคประจำตัว เด็กๆ ที่ติดเชื้อและเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ง่ายกว่า

หากเฝ้าสังเกตการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขไทย พบว่ากระตือรือร้นมาตั้งแต่ต้น

Advertisement

กระทรวงสาธารณสุขเริ่มต้นประชาสัมพันธ์ มีการตั้งกล้องวัดอุณหภูมิ และตั้งด่านตรวจที่สนามบิน

แต่สุดท้ายก็แพ้ธรรมชาติ

ขณะนี้ เมื่อดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าไวรัสโควิดระบาดในประเทศไทยแล้ว

ล่าสุดคณะรัฐมนตรีประกาศมาตรการป้องกันเข้มข้น เลื่อนวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ออกไป

ปิดสถานที่ที่คนมากๆ มารวมชุมนุมกัน เลิกกิจกรรม สัมมนา และอื่นๆ

ให้มหาวิทยาลัยปรับเปลี่ยนการเรียนการสอบ ส่วนสนามมวย สนามกีฬาที่อยู่ในที่อับ ให้หยุด

เบื้องต้นให้หยุด 14 วัน แต่ก็มีข้อเสนอให้หยุดไปเลย 21 วัน

ขณะเดียวกันก็เกิดปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด

บุรีรัมย์ อุทัยธานี ประกาศปิดเมืองด้วยมาตรการสาธารณสุข เพื่อดูแลประชาชนในจังหวัด

มีมาตรการป้องกัน คือ ตรวจวัดไข้ทุกคนในจังหวัด ห้ามงานชุมนุมที่มีคนมารวมกันเกินกว่า 50 คน หยุดเรียนกวดวิชา เป็นต้น

จัดการคัดกรอง จัดหอผู้ป่วยเอาไว้รองรับ จัดอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้กับคนในจังหวัด และอื่นๆ

เหตุผลของจังหวัดที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย

แต่มาตรการต่างๆ ที่ออกมา หากไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนก็ยากจะสำเร็จ

เพราะการยับยั้งการแพร่ระบาดนั้น ปัจจัยเกี่ยวกับการปิดสถานที่แออัดก็เรื่องหนึ่ง แต่ปัจจัยที่สำคัญกว่าคือปัจจัยเกี่ยวกับคน

ดังนั้น จึงมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนต้องระมัดระวังตัวเอง

ถอดรหัสข้อแนะนำในการป้องกัน พบว่าหัวใจสำคัญคือ ไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย

เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายเราได้ทาง ตา ปาก จมูก เป็นส่วนใหญ่

เชื้อไวรัสดังกล่าวเกิดจากน้ำมูก น้ำลาย เหงื่อ ของผู้ติดเชื้อ

มาตรการทุกอย่างที่ออกมาต่างต้องการตอบโจทย์เรื่องนี้ทั้งสิ้น

ถ้าเราไม่อยู่ใกล้กับผู้ติดเชื้อ เราก็ไม่ติดไวรัส

ถ้าเราป้องกันมิให้เชื้อไวรัสเข้าปาก ตา จมูก ได้ เราก็ไม่ป่วย

เราจึงต้องอยู่ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1 เมตรครึ่ง หรือจะอยู่ห่างสัก 2 เมตรก็ไม่ว่า

สาเหตุที่ให้อยู่ห่างระยะนี้ เพราะประเมินว่า หากคนคนหนึ่งจามออกมา เชื้อโรคจะไปได้ไกลไม่เกิน 2 เมตร

สอดคล้องกับคำแนะนำที่ให้ผู้คนหยุดพบปะสังสรรค์ในสถานบันเทิง สนามมวย ผับ โรงหนัง และอื่นๆ

เพราะสถานที่เช่นนี้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย อาทิ ข่าวที่ได้ยินเกี่ยวกับการติดเชื้อในสนามมวย

อย่างไรก็ตาม แม้เราจะพยายามอยู่ห่างคนอื่น แต่ก็ยังมีโอกาสติดเชื้อ

เพราะเชื้อไวรัสอาจจะติดอยู่ในสถานที่ต่างๆ ที่เราสัมผัส

เช่น ผ้า โต๊ะ ลูกบิด ชาม แก้ว ช้อนส้อม เป็นต้น

จึงมีข้อเสนอแนะนำว่า ขอให้ทุกคนหมั่นล้างมือเป็นประจำ

การล้างมือทำได้ทั้งล้างกับเจลแอลกอฮอล์ และทำได้โดยการล้างมือด้วยน้ำและสบู่

ครั้งหนึ่งล้างให้นานเกิน 20 วินาที วันหนึ่งล้างหลายๆ ครั้ง

ล้างเพื่อไม่ให้ไวรัสติดที่มือ ลดโอกาสติดเชื้อ เพราะเรามักเอามือแคะจมูก ขยี้ตา ซึ่งเป็นช่องทางเข้าสู่ร่างกาย

เช่นเดียวกับข้อแนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ก็เพื่อป้องกันมิให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายทางปากและจมูก

หากเรารู้เช่นนี้ แทนที่จะตกอยู่ในอาการหวาดกลัว น่าจะหันมาทำความรู้จักโควิดน่าจะดีกว่า

น่าจะหันมากล่าว “สวัสดี” ทักทายกับโควิด

แล้วเรียนรู้คุณลักษณะของไวรัสตัวนี้ในด้านต่างๆ

รู้จักการแพร่ระบาดของมัน รู้จักระยะเวลาการมีชีวิตอยู่ในอากาศ มีชีวิตอยู่บนพื้นผิว ในน้ำ และในอาหาร

รู้จักแล้วจะได้ป้องกันมิให้ตัวเองและผู้อื่นตกอยู่ในความเสี่ยง

และเท่าที่สดับมา การป้องกันมิให้โควิดแผลงฤทธิ์กับเรามีเพียงไม่กี่อย่าง

หนึ่ง คือ ไม่เข้าใกล้คนอื่น ไม่เข้าไปในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆ ไม่ไปประเทศกลุ่มเสี่ยง

หนึ่ง คือ ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น

หนึ่ง คือ ใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคเข้าทางปากและจมูก

หนึ่ง คือ ล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดความเสี่ยง หากเผลอเอามือไปขยี้ตา แคะจมูก เป็นต้น

หนึ่ง คือ รับประทานอาหารที่ปรุงสุก

ทำได้ตามนี้ โอกาสตกเป็นเหยื่อโควิดก็น้อยลง

น้อยลงจนสามารถกล่าวคำ “สวัสดี” กับโควิดได้อีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ มิได้กล่าวคำ “สวัสดี” เพื่อทักทาย

หากเป็นการกล่าวคำ “สวัสดี” เพื่ออำลา

อำลาจากโควิด-19

ลาแล้ว ลาจาก ขออย่าได้พบเจอกันอีกเลยนะโควิด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image