เมื่อสังคมดิบถ่อยเถื่อน ศิลปินก็สะท้อนความดิบถ่อยเถื่อน : สุกรี เจริญสุข

เมื่อสังคมดิบถ่อยเถื่อน ศิลปินก็สะท้อนความดิบถ่อยเถื่อน : สุกรี เจริญสุข

วันที่ 18 มีนาคม 2563 ศิลปินรุ่นใหญ่ “แอ๊ด คาราบาว” เปิดการแสดงที่ร้านตอไม้ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ขณะที่รัฐบาลประกาศปิดสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ก่อนการแสดง 1 วัน สื่อสายเชลียร์และสื่อสายผู้ดี ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า “ไม่เหมาะสม” เพราะแอ๊ด คาราบาว หรือนายยืนยง โอภากุล เป็นศิลปินแห่งชาติ (ปี 2556)

ความจริงเป็นอย่างไรผู้เขียนก็ได้แต่ติดตามจากข่าว เมื่อวงคาราบาวรับงานไปแสดง ขายบัตรและเปิดการแสดง ซึ่งในเวลานั้น จังหวัดตากยังอยู่นอกเขตพื้นที่ประกาศ ต่อมาผู้มีอำนาจได้สั่งให้หยุดการแสดงขณะที่ศิลปินกำลังออกอารมณ์และมีความรู้สึกอยู่บนเวที เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นบทเรียนให้กับทุกฝ่าย

“ให้มาจับผมคนเดียว…ผมติดคุก…นี่ต้องเลิกสี่ทุ่ม มึงเป็นใครมาสั่งกู… กูอยากเลิกเมื่อไหร่กูก็เลิก กูเล่น 2 ชั่วโมง กูก็หมดแรงแล้ว… นี่มันคอนเสิร์ต เวทีนี้กูใหญ่สุด…” จบท้ายด้วยการให้อวัยวะส่วนตัว ซึ่งไม่ได้แจกใครและไม่มีใครได้รับแจก เพราะทุกคนมีของตัวเองอยู่แล้ว

หลังการแสดงมีผลเกิดขึ้นตามมามาก คำถามแรกว่า เป็นศิลปินแห่งชาติได้อย่างไร คำถามที่สอง เมื่อเป็นศิลปินแห่งชาติแล้วถอดถอนเอารางวัลคืนกลับได้ไหม สื่อนำเสนอให้มวลชนมีอารมณ์ร่วมแสดงความเห็น พยายามหาข้อมูลขุดคุ้ยการด่าทอรัฐบาลของศิลปินใหญ่ เพื่อสนับสนุนพฤติกรรม “แอ๊ด คาราบาว” โดยเฉพาะสำนักข่าวที่เชียร์รัฐบาล ซึ่งยังมีหลังไมค์เสนอมาตรการอีกยาวเหยียด

Advertisement

ผลพวงการแสดงของวงคาราบาวที่แม่สอดครั้งนั้น ทำให้ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงที่แม่สอด ถูกย้ายฟ้าผ่า ออกจากอำเภอแม่สอดไปอยู่อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นคำสั่งของนายอำเภอ ด้วยเหตุที่จัดงานแสดงในเขตเทศบาลโดยไม่ได้ขออนุญาต ความพยายามหาเหตุผล หาหลักฐาน การวิพากษ์วิจารณ์ก็คงดำเนินต่อไป เพื่อสร้างตำหนิให้กับศิลปินแห่งชาติ แอ๊ด คาราบาว

“สังคมเป็นอย่างไร ศิลปะดนตรีก็เป็นอย่างนั้น”
“ศิลปะดนตรีเป็นอย่างไร ก็จะสะท้อนภาพของสังคมออกมาอย่างนั้นด้วย”
“ศิลปินทำหน้าที่สะท้อนสังคมออกมาเป็นงานศิลปะ” ชอบหรือไม่ชอบเป็นเรื่องของสังคม

ศิลปินแห่งชาติเป็นเรื่องของชาติ ซึ่งชาติหมายถึงประชาชน แอ๊ด คาราบาว เป็นศิลปินที่ประชาชนยอมรับ การได้รับยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาตินั้น มีคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับชาติพิจารณา แอ๊ด คาราบาว ไม่ได้ไปสมัครเป็นศิลปินแห่งชาติ แต่เขาได้รับเลือกขึ้นมา เมื่อคณะกรรมการยกย่องเสนอให้เป็นศิลปินแห่งชาติ รับรองโดยกระทรวงวัฒนธรรม ศิลปินแห่งชาติเข้ารับพระราชทานรางวัลจากเจ้านายชั้นสูง เรื่องรางวัลที่ได้รับการยกย่อง จบบริบูรณ์ไปแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556

Advertisement

ความจริงมีศิลปินใหญ่หลายคน ด่าทอรัฐบาลและก็ด่ากันมาทุกยุคทุกสมัย “ศิลปินเขาเป็นอย่างที่เขาเป็น เพราะศิลปินเขาเป็นเช่นนั้น จินตนาการของศิลปินนั้นอยู่เหนือปรัชญาและปัญญา” ซึ่งจะเป็นภาพสะท้อนอีกมิติหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในสังคม ไม่มีใครสะท้อนสังคมได้ดีเท่าศิลปิน ศิลปินสามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับสังคมได้อย่างอัศจรรย์ สัมผัสและรับรู้ความเป็นไปในสังคม ซึ่งสะท้อนภาพออกมาได้คมชัดเจ็บแสบ

ความจริงศิลปินทำหน้าที่สะท้อนอารมณ์สังคมอยู่แล้ว หากศิลปินไม่มีอารมณ์ร่วมกับสังคม ไม่ได้สะท้อนสังคม จะไม่เป็นที่ยอมรับและไม่เป็นที่นิยม ศิลปินเหล่านั้นก็ตายโดยธรรมชาติ แอ๊ด คาราบาว เป็นศิลปินที่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมได้และสัมผัสอารมณ์ของสังคมอย่างแนบเนียน

อย่าลืมว่าอารมณ์ของศิลปินอ่อนไหว สามารถรับรู้และไวต่ออารมณ์ของสังคม จับอารมณ์ได้เร็วกว่าคนทั่วไป ตั้งแต่การแสดงอำนาจ การกดขี่ ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม การเอารัดเอาเปรียบ ความไม่รับผิดชอบ ความไม่เอาไหนของรัฐบาล ฯลฯ ศิลปินทุกสาขาจะสร้างภาพสะท้อนมุมมืดของสังคมออกมา แน่นอนย่อมท้าทายต่อมิติของกฎหมาย มิติความรับผิดชอบ มิติของอำนาจ เป็นความกล้าหาญของศิลปินที่กล้าท้าทาย กล้าที่จะแสดงออก กล้าต่อกร ต่อสู้กับผู้มีอำนาจที่เผชิญอยู่ซึ่งหน้า โดยมีคนในสังคมเป็นพยาน ทั้งนี้ เพราะศิลปินเชื่อมั่นในสามัญสำนึกที่อยู่เหนือกว่ากฎเกณฑ์ของอำนาจรัฐ

เมื่อสภาพสังคมยังดิบถ่อยเถื่อน เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ศิลปินนำความดิบถ่อยเถื่อนที่พบเห็นสะท้อนออกมาเป็นบทเพลง ความดิบถ่อยเถื่อนคือ สภาพของสังคมที่ด้อยการศึกษา ดิบเพราะไม่ได้ปรุงแต่ง แต่จะสด จริงจัง และจริงใจ แตกต่างไปจากสังคมที่เจริญแล้ว ซึ่งอาจจะถ่ายทอดอารมณ์ได้ละเมียดละไมและประณีตกว่า

สังคมไทยส่วนใหญ่ยังด้อยพัฒนา เหลื่อมล้ำสูง ถูกเอาเปรียบ สังคมอยู่ในท่ามกลางความดิบถ่อยเถื่อน ความสะใจและการมีอารมณ์ร่วมจึงมีพลังสูง เมื่อนำมาพัฒนาเป็นบทเพลงจึงกลายเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมและยอมรับสูง กระทั่งความดิบถ่อยเถื่อนขายเป็นสินค้าได้ ขายดีจนศิลปินและเจ้าของผลงานได้กลายเป็นเศรษฐีและมีชื่อเสียงโด่งดัง แถมยังได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติอีก

ดิบถ่อยเถื่อนเป็นสภาพความจริงของสังคม พบเห็นในชีวิตประจำวัน จากข่าวพาดหัวที่ฆ่ากันตายทุกวัน จี้ปล้น ฉ้อโกง หลอกลวง กักตุน หรือดราม่าตามสื่อสังคมออนไลน์ที่โพสต์ด่าทอกันกระหน่ำ ความถ่อยจะมาพร้อมกับความเถื่อน เมื่อดิบถ่อยเถื่อนรวมกันเป็นเพลงแล้ว ก็สร้างความสะใจให้กับคนในสังคม

ดิบถ่อยเถื่อนไม่ใช่สิ่งเดียวที่ศิลปินนำมาสะท้อน ยังมีความจน ความอดอยาก ความอนาถา ความอับโชค การถูกเอารัดเอาเปรียบ การทำนาให้นกกิน การทำนาบนหลังคน การใช้อำนาจข่มขู่ ความฉ้อฉลคดโกง ล้วนเป็นอุปกรณ์ชั้นเลิศของศิลปินทั้งสิ้น สังคมที่ด้อยพัฒนานั้น ศิลปินจะสะท้อนวิถีชีวิตขายความดิบถ่อยเถื่อน ขายความยากจน ขายความเหลื่อมล้ำ ให้เป็นสื่อของอารมณ์ ซึ่งจะมีคนจำนวนมากเสพเพลงที่ดิบถ่อยเถื่อน ฟังเพลงแล้วรู้สึกถึงความสะใจ ฟังแล้วมีความสุข ฟังแล้วมีส่วนร่วมกับคนทั่วประเทศ

เดิมเพลงเพื่อชีวิตเป็นเพลงที่สะท้อนชีวิตการต่อสู้ทางการเมือง ต่อสู้กับความจน ต่อสู้กับความด้อยโอกาส ต่อสู้กับความยากลำบาก ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม ฯลฯ ใช้ภาษาดิบๆ สะท้อนชีวิตชาวบ้าน วิธีการด่าทอแบบแม่ค้าปากตลาด ตรงไปตรงมา ดูเหมือนหยาบคายแต่จริงใจและสะใจ ได้สะท้อนภาพสังคม ได้ประชดประชันสังคม ทั้งนี้ก็เพื่อส่งสารถึงผู้มีอำนาจ ล้วนเป็นอุปกรณ์ของศิลปินทั้งสิ้น

นักต่อสู้ผู้มีอุดมการณ์ไม่ได้รู้สึกว่าบทเพลงที่ร้องเป็นคำหยาบคายแต่ประการใด ด่าฝ่ายตรงกันข้ามได้แล้วก็รู้สึกว่าสะใจ ด่าให้สาสม เป็นการปลุกเร้ามวลชนให้รู้สึกฮึกเหิมด้วยซ้ำ วิธีเดียวกับผู้มีอำนาจใช้พฤติกรรมที่หยาบคายและดิบถ่อยเถื่อน อาทิ กินหน้ากาก กักตุนไข่ กินนมโรงเรียน กินอาหารกลางวันเด็ก กินแอลกอฮอล์ กินชุดตรวจโรค ฯลฯ ผู้มีอำนาจก็ไม่รู้สึกว่าการกระทำของตนหยาบคายแต่ประการใด ความจริงทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็แสดงพฤติกรรมดิบถ่อยเถื่อนพอๆ กัน ฝ่ายที่มีอำนาจนั้นแต่งตัวในชุดเครื่องแบบโก้หรู มีเหรียญตราประดับเต็มหน้าอก (พระยาแถ พระยาแจก พระยาแดก พระยาดูด) ซึ่งอำนาจที่มีจะทำอะไรก็ได้ด้วยพฤติกรรมดิบถ่อยเถื่อน ศิลปินนั้นไม่มีอำนาจ ไม่มีตำแหน่ง แต่มีจินตนาการและมีความคิดสร้างสรรค์บรรเจิด สะท้อนความดิบถ่อยเถื่อนให้สังคมได้รับรู้

ศิลปินที่สะท้อนภาพสังคมได้กินใจ ก็นำความรู้สึกของมวลชนมาทำเป็นเพลง ทำให้ผู้ด้อยโอกาสมีที่พึ่งทางอารมณ์ ฟังเพลงที่กินใจรู้สึกประทับใจ อุ่นใจที่มีเพลงปลอบ ดิบถ่อยเถื่อนจึงกลายเป็นสินค้าชั้นดี นอกจาก แอ๊ด คาราบาว จะเป็นศิลปินใหญ่แล้ว ยังเข้าใจทุนนิยม อารมณ์ดิบถ่อยเถื่อนจึงกลายเป็นอาวุธที่มีพลานุภาพสูง สามารถใช้ประโยชน์ทั้งสร้างความสะเทือนใจและสร้างธุรกิจได้ทั่วประเทศ

การเป็นศิลปินแห่งชาติ ตัวแอ๊ด คาราบาว เอง ก็คงไม่ตื่นเต้นอะไรนัก เพราะปีหนึ่งๆ เขาขึ้นเวทีแสดงมากกว่า 200 ครั้ง วันไหนไม่ได้แสดงอาจจะนอนไม่หลับด้วยซ้ำไป พูดกันตรงๆ ศิลปินคงไม่แยแสกับรางวัลที่ได้มามากนัก ราชการต่างหากที่ไปยกย่องและมอบรางวัลให้เขาเอง

แอ๊ด คาราบาว ขึ้นเวทีแสดงทุกครั้งท่ามกลางผู้คนที่มีความรู้สึกร่วม เป็นศิลปินที่มีความใกล้ชิดกับมิตรรักแฟนเพลง เหมือนคนรู้จัก เป็นสาวกนับถือศรัทธากัน การแสดงก็เปลี่ยนเวทีไปเรื่อย โดยแสดงตามร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มทั่วประเทศ มีผู้ใช้แรงงานเข้าไปดื่มด่ำและซึมซับอารมณ์เพลง เป็นความรู้สึกที่อยู่เหนือเหตุผล เป็นความสุขพื้นฐานของชนชั้นที่สู้ชีวิต กระหายและแสวงหาไปฟังเพลง

โดยสภาพแล้ว ประชาชนสะท้อนปัญหาไม่ได้ ปัญหาก็คือปัญหา ไม่มีใครดูแลแก้ปัญหา พรรคฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ไม่ได้ ทำได้ก็ไม่ตอบสนองอารมณ์ แต่ศิลปินใช้ผลงานสะท้อนปัญหาสังคมได้ อบอุ่นใจที่ได้เห็นและได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ หนังสือ การแสดง ละคร เพลงดนตรี ภาพยนตร์ ซึ่งสะท้อนปัญหาของสังคมให้โลกได้รับรู้ ทั้งนี้เสียงเพลงจะสะท้อนอารมณ์ให้กับสังคมได้อย่างมีพลังสูงสุด

ความเป็นศิลปินของแอ๊ด คาราบาว นั้น ยิ่งใหญ่และมีพลังอยู่เหนืออำนาจใดๆ แม้ความประพฤติส่วนตัวเป็นอย่างไรคงไม่เป็นประเด็น ความเป็นศิลปินของเขายังอยู่เหนือพฤติกรรมเหล่านั้น คนในสังคมได้จดจำและยอมรับเขาไปแล้ว ราชการก็ยกย่องให้เขาเป็นศิลปินแห่งชาติแล้วด้วย หากมีการถอดถอนรางวัลศิลปินแห่งชาติออกไป ใครจะเป็นคนถอดถอน แต่ก็จะเพิ่มชื่อเสียงให้แอ๊ด คาราบาว ดังขึ้นไปอีก ความเป็นศิลปินยังอยู่ติดตัวเขา ไม่มีใครเอาความเป็นศิลปินออกจากตัวเขาได้ เขาเป็นศิลปินที่ติดลมบนอยู่ในใจคนไปแล้ว เขาจะไม่รู้สึกว่ามีความเจ็บปวดอะไรเลย เขาไม่ได้แยแสต่อคำด่าทอ

แถมยังรู้สึกเยาะเย้ยต่อการกระทำของผู้มีอำนาจด้วยซ้ำไป คนที่ด่าเขาต่างหากที่เจ็บปวด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image