ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ติสตู [email protected] |
เผยแพร่ |
“การฟอกเงิน” นั้นมักจะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรง เป็นอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ทั่วโลกจึงถือว่า การฟอกเงินเป็นความผิดอาญาที่ร้ายแรง ทว่าปัจจุบันการฟอกเงินในยุคสมัยใหม่มีกลวิธีที่แยบคายและซับซ้อนมากขึ้น เช่นเมื่อไม่กี่ปีก่อนโลกได้รู้จักกับกรณี “ปานามา เปเปอร์ส” (Panama Papers) สุดฉาว เมื่อเอกสารที่รั่วไหลพาดพิงถึงสำนักกฎหมายแห่งหนึ่งในประเทศปานามาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและหนีภาษี โดยโยงใยไปถึงบรรดาคนดัง มหาเศรษฐี นักการเมืองทั่วโลก
เรื่องราวของปานามา เปเปอร์ส ถูกนำมาเขย่าเล่าใหม่ให้น่าติดตามและเข้าใจง่ายขึ้นผ่านภาพยนตร์เรื่อง “The Laundromat” ผลงานกำกับโดย “สตีเฟน โซเดอร์เบิร์ก” ผู้กำกับที่ถนัดเล่าเรื่องสไตล์เล่ห์เหลี่ยมกลโกงแบบมีจังหวะจะโคนหนัง
สร้างจากหนังสือ ”Secrecy World” เขียนโดย ”เจค เบิร์นสตีน” นักข่าวรางวัลพูลิตเซอร์ หนึ่งในเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ) ที่ร่วมกันสืบสวนสอบสวนข้อมูลในเอกสารลับปานามาที่เล่าถึงโลกดำมืดของแวดวงการเงิน
The Laundromat มีเรื่องราวหลักคือการแฉถึงเหตุการณ์จริงในกรณี ปานามา เปเปอร์ส ที่หากจำกันได้มาจากเอกสารที่รั่วไหลพาดพิงถึงสำนักกฎหมาย มอสแซก ฟอนเซกา (Mossack Fonseca) ในประเทศปานามา ซึ่งอ้างถึงการฟอกเงินในต่างประเทศ ไปจนถึงการหนีภาษีให้กับบรรดาผู้ทรงอิทธิพลแวดวงต่างๆ ทั่วโลก
หนังใช้วิธีวางโครงเรื่องผ่านหญิงม่ายคนหนึ่งที่เกิดความสงสัยและเริ่มแกะรอยการฉ้อฉลเงินประกันภัยหลังจากสามีตายจากอุบัติเหตุเรือล่ม แต่เรื่องมาจบเห่เมื่อบริษัทประกันที่เรือทำไว้ไม่มีตัวตนจริง เป็นเพียงบริษัทเปลือก หรือ Shell Company จนสาวไปถึงหุ้นส่วนในสำนักงานทนายความมอสแซก ฟอนเซกา ในปานามา
ตัวหนังจะพาไปดูกลวิธีหาเงินจากจุดอ่อนในระบบการเงินโลก โดยเนื้อเรื่องจะอธิบายถึงเทคนิคต่างๆ ให้เราเห็นวิธีการฟอกเงินทั้งผ่านการตั้ง “บริษัทนอกอาณาเขต” หรือ Offshore company ไปจนถึงการตั้ง “กองทรัสต์” (การจัดการทรัพย์สินรูปแบบหนึ่ง) โดยมีท่วงท่าการเล่าแบบเสียดสี ตลกร้าย และเล่ากันแบบให้คนดูเห็นตั้งแต่ต้นตอของหลุมดำในโลกการเงินสมัยใหม่ ที่อาศัยช่องโหว่กฎหมายในการหลบเลี่ยงหรือตกแต่งบัญชีทรัพย์สิน โดยโยนคำถามใส่คนดูว่า ช่องโหว่นี้ผิดที่คนหรือระบบกันแน่?
The Laundromat อาจดูเป็นหนังที่เต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคในโลกการเงิน และเล่าเรื่องยอกย้อนชนิดฉับไว แต่กับความบันเทิงอีกเรื่องที่จะนำมาเล่าให้ฟังเป็นผลงานซีรีส์แนวอาชญากรรม-ดราม่า ที่เล่าเรื่องฟอกเงินแบบค่อยเป็นค่อยไป เข้าใจง่ายน่าติดตาม นั่นคือ “Ozark” ซีรีส์จากเน็ตฟลิกซ์ที่ได้คะแนนวิจารณ์ในแดนบวก
Ozark เล่าเรื่องราวของครอบครัวชนชั้นกลางพ่อแม่ลูกในชิคาโก ที่ย้ายมายังเมืองโอซาร์ก เมืองชนบทเล็กๆ ในรัฐมิสซูรี่ ในสภาพ ”หนีตาย” ฆ่ายกครัว เพราะถูกแก๊งยาเสพติดไล่ล่า…ก่อนจะได้ “ดีล” รอดชีวิต แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ด้วยเงื่อนไขคือ ผู้เป็นพ่อที่เป็นนักบัญชีและที่ปรึกษาการเงินระดับหัวกะทิ ต้องช่วย “ฟอกเงิน” ให้แก๊งค้ายาเสพติดเม็กซิกัน ซึ่งในซีรีส์จะพาเราไปรู้จักวังวนเส้นทางการฟอกเงินจากยาเสพติดผ่านรูปแบบการทำธุรกิจบังหน้า
ความน่าติดตามคือ นักบัญชีที่มีความปราดเปรื่องจะหาทางฟอกเงินมหาศาลในเมือง
โอซาร์กเพื่อให้ตัวเขาและครอบครัวรอดตายได้อย่างไร เพราะด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเมืองที่ค่อนข้างเงียบเหงา รูปแบบธุรกิจไม่ได้มีมากมายให้สามารถเปิดบังหน้าได้ ขณะที่ครอบครัวชนชั้นกลางที่ทั้งชีวิตไม่เคยคิดว่าจะต้องข้องเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมใดๆ ได้ แต่ต้องตกกระไดพลอยโจนมองหา ”โอกาส” ในทุก “วิกฤต” เพื่อฟอกเงินจำนวนมหาศาลส่งแก๊งมาเฟียค้ายา จนเข้าสู่ “วังวน” ของอาชญากรรมการฟอกเงินที่ไม่มีวันสิ้นสุด
จากภาพยนตร์และซีรีส์ ปิดท้ายที่สารคดีที่พูดเรื่องจริงแบบตรงไปตรงมาที่สุด นั่นคือ ซีรีส์สารคดีชุด “Explained” ตอน “Billionaires” สารคดีเชิงข่าวผลิตโดย Vox สำนักสื่อ-คอนเทนต์ออนไลน์ของสหรัฐอเมริกา โดยซีรีส์ชุด Explained มีจุดเด่นคือการเล่าเรื่องที่อยู่ในกระแสทั้งด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ปรัชญา และเทรนด์ของโลก
สำหรับตอน Billionaires คือการตั้งคำถามว่า บรรดา ”เศรษฐีระดับพันล้านเหรียญสหรัฐ” ที่มีมากขึ้นชนิดพุ่งพรวดทั่วโลก พวกเขาสะสมความมั่งคั่งกันในรูปแบบไหน ซึ่งเราจะได้เห็นการต่อยอดความมั่งคั่งนี้จนไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมโลกถึงเหลื่อมล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ และหนึ่งในประเด็นที่สารคดีเรื่องนี้อธิบายและตั้งคำถามคือ การจัดการการเงินของเศรษฐีในโลกสมัยใหม่ ที่อยู่บนเส้นพร่าเลือนของกติกากฎหมาย
Billionaires พาไปฟังการบอกเล่าถึงวิธีการต่อยอดความมั่งคั่งผ่านรูปแบบการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายที่บางพื้นที่ในโลกเอื้อให้การทำธุรกรรมการเงินบางอย่างดูจะเข้าข่ายการเลี่ยงภาษี ซึ่งตัวสารคดีจะเล่าโยงใยไปจนถึงเรื่องราว ”เอกสารลับปานามา” ที่บรรดาเศรษฐี เซเลบริตี้ ผู้มีอิทธิพลหลายคนใช้วิธีนำเงินไปหลบเก็บไว้นอกประเทศผ่าน “ช่องว่าง” ทางกฎหมายนี้
ในสารคดียังพูดคุยกับผู้คนที่เกี่ยวข้อง หนึ่งในนั้นคือบรรดาเศรษฐีที่เต็มใจมาพูดถึงเรื่องนี้อย่าง ”วอร์เรน บัฟเฟตต์” มหาเศรษฐี 8.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ที่ตัวเขาเองยังพูดยอมรับในสารคดีว่าทุกวันนี้ระบบภาษีเอียงเข้าข้างคนรวยและถอยห่างจากชนชั้นกลาง ไปจนถึง มาร์ค คิวบัน มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวสหรัฐ ที่อธิบายและนิยามความมั่งคั่งซะจนคนที่ได้ยินจะต้องเชื่อว่าความร่ำรวยจนเหลื่อมล้ำนี้จะไม่มีวันจบสิ้น
Billionaires พาไปดูบรรดาความมั่งคั่งที่ว่านี้ว่ามีวิธีต่อยอดและซุกซ่อน ลวงตากันอย่างไร เพราะแม้แต่ที่เราเห็นข่าวการจัดอันดับเศรษฐีโลก แท้จริงแล้วข้อมูลที่ใช้จัดอันดับก็เป็นเพียงข้อมูลสาธารณะ เช่น หาจำนวนหุ้นในบริษัทมหาชน ดูราคาหุ้นเพื่อดูมูลค่า แต่ในอีกมิติยังมีความร่ำรวยจากแหล่งอื่นที่ไม่ได้ถูกค้นพบ และมหาเศรษฐีบางคนก็รวยโดยไม่ต้องมีบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เลยด้วยซ้ำ ซึ่งตัวสารคดีจะตอบคำถามที่ว่าความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นนี้ ใช้จุดอ่อนของระบบกฎหมาย และช่องโหว่ต่างๆ เอื้อประโยชน์ให้นั่นเอง
ทั้งหมดคือเรื่องราวของภาพยนตร์ ซีรีส์ และสารคดี ที่พูดถึง “โลกแห่งการซุกซ่อนเงิน” โดยมีหลักใหญ่ใจความเดียวกันคือ การอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายที่เอื้อให้เกิดหลุมดำนี้ขึ้นมา