| ที่มา | เสาร์ประชาชื่น มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | เชอรี่ นาคเจริญ [email protected] |
| เผยแพร่ |
วิกฤตโควิด-19 ส่งผลต่อทุกคนทุกสิ่ง ต่างแค่เป็นบวกหรือลบ มากหรือน้อยเท่านั้น อีกทั้งเป็นตัวเร่งให้ทุกคน ทุกองค์กรเคลื่อนตัวเข้าสู่การใช้เทคโนโลยี “ดิจิทัล” เมื่อไม่สามารถไปไหนมาไหน ใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่ชีวิตยังต้องเดินหน้า ยังต้องทำงาน เรียน กิน ใช้จ่าย เมื่อทำในวิถี “ออฟไลน์” ไม่ได้ก็ต้อง “โกออนไลน์”
แอพพลิเคชั่น LINE (ไลน์) ที่เริ่มต้นจาก “แชต” และต่อยอดไปสู่สารพัดบริการ เป็นหนึ่งในดิจิทัลแพลตฟอร์มที่มีการใช้เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา
ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย กล่าวว่า วิสัยทัศน์ Life on LINE ที่ประกาศไปเมื่อปีที่แล้ว มีเป้าหมายเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการดำเนินชีวิตของคนไทย (Life Infrastructure) ผ่านการพัฒนาบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทำให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในช่วงการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เทคโนโลยีเข้ามามีผลกับการดำเนินชีวิตเกือบ 100% ได้
การที่คนต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นส่งผลดีกับ LINE ทำให้มีผู้ใช้งานใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านคน ภายใน 1 ปี ขยับจาก 44 ล้าน เป็น 46 ล้านคน
“โควิดเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดมาก่อนว่าจะมี ไม่มีใครอยากให้เกิด ในช่วงแรกที่มีการล็อกดาวน์ หลายคนจึงวิตกกังวลไม่ว่าจะในส่วนของบริษัทเองยังคิดว่าเวิร์กฟรอมโฮมทำได้ไหม ค้าขายทำได้ไหม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน และที่เห็นชัดคือคนหันไปใช้บริการดิจิทัลมากขึ้น”
โดย LINE ประเทศไทย พบว่าการใช้ LINE Call ผ่านคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 264% แยกเป็นวิดีโอคอลเพิ่ม 270% วอยซ์คอล เพิ่มขึ้น 236%
ไม่ใช่เท่านั้น “ไลน์ สติ๊กเกอร์” ก็เพิ่มขึ้นชัดเจน โดย 70% ของสติ๊กเกอร์ที่ขายดีมีเนื้อหาเกี่ยวกับโควิด-19 เช่น การกักตัว, การดูแลตัวเอง เช่นกันกับการออกแบบสติ๊กเกอร์ใหม่ๆ 80% มีเนื้อหาเกี่ยวกับโควิด
ขณะที่บริการ ฟู้ดดิลิเวอรี “ไลน์ แมน” เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า อาหารที่ขายดีอยู่แล้วอย่างอาหารไทย, อาหารอีสาน และอาหารตามสั่ง ยิ่งขายดีขึ้นไปอีก แต่ประเภทอาหารที่ถือว่าเป็น “ดาวรุ่ง” ช่วงล็อกดาวน์ คือ “ปิ้งย่าง” ทำให้เห็นพฤติกรรมชัดเจนว่าต่อให้ล็อกดาวน์อยู่กับบ้าน คนยังอยากใช้ชีวิตปกติ รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ
ส่งผลให้ “ไลน์ ช้อปปิ้ง” โตขึ้นถึง 100% ในแง่ปริมาณคนสั่งของ ส่วนมูลค่าการซื้อเพิ่มขึ้น 138% และมีคนเข้ามาดูเพจวิวไลน์ช้อปปิ้งถึง 233%
“สิ่งที่คนมาดูเยอะ คือสินค้าที่ใช้ในบ้าน, สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพและความสวยความงาม เป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยม เช่นกันกับโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ส่วนสินค้าแฟชั่น, กีฬา สัตว์เลี้ยง และสิ่งของสะสมได้ เช่น ต้นไม้ กลายเป็นของที่โตขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดมาก่อน”
นอกจากนี้ จำนวน LINE Official Accout (LINE OA) เพิ่มจาก 3 ล้าน เป็น 4 ล้านบัญชี (ณ เดือน พ.ค.) และมียอดการเติบโตของจำนวนร้านค้าที่ใช้ MyShop (No.of Shops Growth Rate) ถึง 180% (ณ เม.ย.โตจาก ม.ค. 2563) จากที่เคยมีจำนวนร้านค้าระดับหลักร้อยหลักพัน เพิ่มเป็นหลักหมื่น
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกินหรือจับจ่ายซื้อสินค้ายังมีความต้องการ เพียงแต่ขยับมาอยู่ในออนไลน์ และบนแพลตฟอร์ม LINE ในแง่การบริโภคเนื้อหาทั้งข่าวสาร และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ ถ้าดูเฉพาะในเดือน มี.ค.พบว่ามีการชมไลน์ทีวีผ่านจอใหญ่เพิ่มขึ้นถึง 42% แสดงว่าคงดูกันเป็นกลุ่มอยู่ที่บ้าน แต่ที่น่าสนใจคือ เนื้อหาที่เป็นวายซีรีส์หรือบอยเลิฟเพิ่มขึ้น 5 เท่า”
อย่างไรก็ตาม การผลักดันให้องค์กรเดินไปข้างหน้าท่ามกลางการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากสารพัดปัจจัยได้ ในมุมมองของ “ดร.พิเชษฐ” ต้องมี 4 เรื่องด้วยกัน คือ 1.ทัศนคติที่เปิดกว้างยอมรับการเปลี่ยนแปลง และ “มองทุกวิกฤตเป็นโอกาส” 2.มีความรวดเร็ว 3.มีการศึกษา และทำความเข้าใจผู้บริโภค เพื่อพัฒนา และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ และ 4. ทุกบริการต้องยกระดับชีวิตของทุกคนให้ดีขึ้น
“โควิดทำให้เราเรียนรู้ได้ว่าจะสำเร็จได้ ต้องมีลีดเดอร์ชิปมายเซต ที่พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไป ทั้งผู้บริโภค และผู้ใช้เงินโฆษณา บริษัทใหญ่ๆ wait and see แต่หลังจากนี้โฆษณาออนไลน์ยังจะเติบโตได้ การทำงานระหว่างบริษัทกับแบรนด์ และความหลากหลายของฟีเจอร์ที่เรามี เชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจกลับมา จะทำให้เราโตพร้อมไปกับลูกค้าทุกเจ้าได้”
ไม่ว่าในอนาคตจะมีสิ่งใหม่ที่คาดไม่ถึงอีกหรือไม่ สิ่งสำคัญกว่าน่าจะอยู่ที่การทำอย่างไรที่จะปรับตัว และเรียนรู้อย่างรวดเร็ว
“โควิดแม้มีผลกระทบ แต่ไม่มีผลต่อแผนธุรกิจ และเชื่อว่าไลน์จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจให้ไปต่อได้ โดยการใช้เทคโนโลยีมาแก้ปัญหา ทั้งในแง่การใช้ชีวิต และการค้าขาย ซึ่งไทยเป็นประเทศที่บริษัทแม่ให้ความสำคัญจึงจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน”
