ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
---|
กระจก-ตะเกียง
หนังสือพิมพ์มติชน และ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ร่วมกันจัดทำโพล
ครั้งใหม่
ครั้งก่อนจัดขึ้นก่อนวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม
ครั้งนี้จัดขึ้นหลังรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน แถลงนโยบายรัฐบาลและเริ่มบริหารประเทศ
โพลที่จะสำรวจความคิดเห็นประชาชนนั้นมีคำถามง่ายๆ
ปัญหาที่รัฐบาลเศรษฐาควรแก้ไขคืออะไร
เลือกระหว่างการเมือง กับเศรษฐกิจปากท้อง
ตอบคำถามกันทางออนไลน์ เพื่อมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่เราได้มีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยการเลือกตั้งมาแล้ว ตอนนี้มาลำดับปัญหาที่อยากให้รัฐบาลแก้ไข
การเมือง กับ เศรษฐกิจ อยากให้ทำอะไรก่อนหลัง
ตอบกันได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม ผลจากการตอบโพลจะนำเสนอต่อไปให้ทราบในภาพรวม
ในวันแถลงข่าวการจัดทำโพลมติชนและเดลินิวส์ครั้งนี้ มีผู้หลักผู้ใหญ่ของหนังสือพิมพ์ทั้ง 2 ฉบับ ไปร่วมฉายภาพความตั้งใจ
นางประพิณ รุจิรวงศ์ กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ บอกถึงจุดมุ่งหมายในการจับมือกันทำโพลอีกครั้ง
บอกว่า ในวันที่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เข้ามาบริหารประเทศ เราควรทำโพลสอบถามประชาชน
รัฐบาลเศรษฐา “ควรแก้ไขปัญหาอะไร”
ถือเป็นการสะท้อนเสียงประชาชนให้รัฐบาลรับรู้
ขณะที่ นายปารเมศ เหตระกูล กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ บอกว่า โพลที่เดลินิวส์จับมือกับมติชนจะทำให้รัฐบาลได้ยินเสียงเรียกร้องที่มาโดยธรรมชาติเปิดกว้างทุกระดับ
เป็นพื้นที่สาธารณะที่ชวนกันมาสะท้อนสิ่งที่อยากบอกรัฐบาล
ด้าน น.ส.ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการบริษัทมติชน ขยายความการทำโพลครั้งนี้ว่า วาระสำคัญของแคมเปญ มี 3 คีย์เวิร์ด คือ 1.รัฐบาล 2.ปัญหา และ 3.ประชาชน
ทั้งสามสิ่งต้องสะท้อนกันไปมา
รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชนถึงจะแก้ไขปัญหาได้ และประชาชนต้องสะท้อนปัญหาอย่างถูกจุด
หน้าที่การสะท้อนปัญหาครั้งนี้ มติชนและเดลินิวส์ร่วมมือกันสร้างพื้นที่สะท้อนความเห็นจากประชาชนไปสู่ผู้นำและรัฐบาลใหม่
ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีใครทราบว่าผลโพลจะออกมาอย่างไร
ยังไม่รู้ว่าประชาชนจะโหวตเน้นที่ให้แก้ปัญหาการเมืองหรือปัญหาเศรษฐกิจก่อนหลัง จนกว่าจะได้เห็นผลโพล แล้วทุกอย่างจะนำไปสู่การแก้ปัญหา
สำหรับการโหวตโพลครั้งนี้ คือ การกระตุ้นให้คนไทยมีส่วนร่วมทางการเมือง
เลือกตั้งไปแล้ว สิทธิและเสียงของประชาชนยังอยู่ ถ้าเรามีส่วนร่วมในการสะท้อนความคิดเห็นกลับไปสู่รัฐบาล
รัฐบาลที่ดีก็จะรับฟังเสียงประชาชนแล้วนำปัญหาไปแก้ไข
ด้าน นายปราปต์ บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายเทคโนโลยีและดิจิทัลมีเดีย บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) พูดประเด็นหลักๆ 3 ประเด็น
หนึ่ง จากประสบการณ์ทำโพลครั้งก่อน มีจุดเด่น คือ ทำให้เห็นข้อมูลเชิงลึก
ทราบอายุ เพศสภาพ พื้นที่หรือจังหวัดของผู้ตอบ
เมื่อมาทำโพลครั้งนี้ ทำให้ทราบรายละเอียดของปัญหา และมองเห็นลักษณะเฉพาะต่างๆ ได้คมชัด
สอง โพลก่อนหน้านี้เหมือนกับการทำประชามติ แต่โพลครั้งนี้ทำคล้ายกับประชาพิจารณ์
คำตอบโพลครั้งนี้จะหลากหลาย จึงได้ดึงทีมนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ และด้านรัฐศาสตร์มาช่วยเสริมความเข้ม
และ สาม ผลโพลอาจทำให้เห็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะความเห็นจากประชาชนนอกทำเนียบรัฐบาลและสภาเขาต้องการอะไรกันแน่
ส่วน ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ อดีตคณบดี วิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้มีบทบาทในการวิเคราะห์ผลโพล ได้ชี้ปรากฏการณ์การทำโพลครั้งนี้
อาจารย์อัครพงษ์มองว่า การทำโพลของมติชนกับเดลินิวส์ เป็นการทำหน้าที่สื่อ
ทั้งในฐานะที่เป็น Mirror หรือ กระจก และในบทบาทที่เป็น Lamp หรือ ตะเกียง
โพลที่จะทำในอีกไม่กี่สัปดาห์ คือปรากฏการณ์ของสื่อที่ทำหน้าที่
ในทรรศนะของอาจารย์อัครพงษ์ มองว่า ผลโพลที่ออกมาจะเป็น “ตะเกียง” ส่องแสงให้รัฐบาลมองเห็นปัญหาที่ประชาชนคับข้องแล้วนำไปแก้ไข
อาจารย์อัครพงษ์มองว่า นี่แหละคืออีกภารกิจของสื่อมวลชน
ภารกิจจะเป็น “กระจก” สะท้อนภาพการทำงานของรัฐบาลแล้ว
ยังต้องเป็น “ตะเกียง” ส่องทางให้แลเห็นปัญหาของประชาชนที่อยากให้รัฐบาลแก้
สอดรับกับ 3 คีย์เวิร์ด นั่นคือ รัฐบาล ปัญหา และประชาชน ที่ต้องสะท้อนกันไปมา
ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์ตามวิถีประชาธิปไตย
รัฐบาลที่มาจากประชาชน ต้องฟังเสียงประชาชน
และร่วมมือกับประชาชนฝ่าทุกมรสุมไปด้วยกัน