เกลียดขี้หน้าแฟนก็มองกระต่ายแทนสิ : คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน

เวลาเรารู้สึกไม่ชอบหน้าหรือโกรธใครสักคน แค่มองหน้าโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรก็รู้สึกหงุดหงิด ขวางหูขวางตาแล้วใช่ไหมคะ ถ้าบุคคลนั้นเป็นคนที่เราต้องพบหน้าทุกวันด้วยแล้ว อย่างแฟน พ่อแม่ หรือเพื่อนร่วมงาน ชีวิตก็จะแทบไม่มีความสุขเลยค่ะ มีคุณสุภาพสตรีท่านหนึ่งแต่งงานกับสามีมาสิบกว่าปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ในช่วงเริ่มต้นของชีวิตก็เหมือนครอบครัวโดยทั่วไปคือพ่อแม่ตั้งใจทำงานและสร้างธุรกิจของตัวเอง อยู่บ้านพ่อแม่สามีไปก่อนจนกระทั่งเริ่มผ่อนบ้านของตัวเองได้จึงย้ายออกมา ตอนลูกยังเล็กก็ให้ตายายช่วยเลี้ยงตอนกลางวัน แต่พอลูกเข้าโรงเรียนก็เบาแรงตายายไปหน่อย ปัญหามาเริ่มเอาตอนชีวิตครอบครัวเริ่มเข้าที่นี่ล่ะค่ะ ทั้งสองคนเริ่มอยากมีเวลาของตัวเองบ้างเพราะหลายปีที่ผ่านมาต้องคอยดูแลลูกและครอบครัว ต้องทำงานอย่างหนักในระหว่างที่เงินเดือนยังน้อยอยู่ แต่กลับมีหนี้สินผ่อนบ้านผ่อนรถที่เป็นภาระสำคัญ พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ เมื่อหันมามองตัวเองก็พบว่าโทรมไปมาก ไม่ได้ดูแลหรือใช้ชีวิตของตัวเองเลย ช่วงเวลานี้จึงเริ่มกลับไปหาเพื่อนๆ หรือเริ่มทำงานอดิเรกที่ตัวเองชอบ แต่กลายเป็นว่าต้องมีปัญหากับคู่สมรสของตัวเองซึ่งมองว่าอีกฝ่ายหนึ่งเห็นแก่ตัว ทิ้งภาระครอบครัวแล้วไปมีความสุขคนเดียว

“ตอนนี้แค่มองหน้าก็รู้สึกโมโหแล้วค่ะ คุยกันก็ทะเลาะกันตลอด ดิฉันเกลียดนิสัยของเขาที่มักจะตำหนิแต่คนอื่น คิดว่าตัวเองดีที่สุด ครอบครัวเขามองว่าเราเป็นสะใภ้ ก็ควรจะดูแลครอบครัวและพ่อแม่สามี แต่ดิฉันก็หน้าที่การงานกำลังไปได้ดี เงินเดือนเยอะกว่าสามีด้วยซ้ำ มีวันนึงดิฉันได้ติดต่อเพื่อนเก่าทางโซเชียลมีเดีย ดิฉันก็ออกไปพบแล้วพูดคุยปัญหาเพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟังดี เขาก็รับฟัง แต่กลายเป็นว่าสามีดิฉันออกอาการหึงหวง หลังจากนั้นก็เอาแต่ประชดประชันว่าดิฉันคิดจะนอกใจ จนดิฉันต้องเลิกไปพบเพื่อนคนนั้น กลายเป็นไม่มีใครที่จะรับฟังปัญหานี้เลย ดิฉันไม่รู้จะต้องอดทนไปถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้ที่ห่วงก็มีแค่ลูก ไม่อยากให้เขาคิดว่าพ่อแม่ทะเลาะกัน ถ้าไม่มีลูกดิฉันก็จะหย่าไปนานแล้ว”

เธอพูดอย่างอึดอัดนานเลยค่ะ จุดหนึ่งที่สังเกตได้และมั่นใจว่าเธออยู่ในอารมณ์โกรธแม้ว่าจะพยายามควบคุมการพูดให้ดูมีเหตุมีผลก็ตามคือ เธอเองก็กล่าวโทษสามีและพูดถึงแต่ข้อเสียของสามี (โดยไม่มีข้อดีเลย) ในระหว่างที่ตัวเธอเองตกเป็นเหยื่อของอีกฝ่าย (โดยไม่พูดถึงข้อเสียของตัวเอง) เมื่อเจอแบบนี้ต้องหาทางดับอารมณ์ให้ได้ก่อนค่ะ ในใจของคนเราก็เหมือนหัวหอมนะคะ พฤติกรรมที่แสดงออกคือเปลือกนอกสุด ถ้าปอกออกไปแล้วจะเห็นอารมณ์ เช่น โกรธ เศร้า ท้อแท้ และถ้าปอกออกไปได้อีกชั้นจึงจะถึงความคิด การใช้เหตุและผล แล้วจึงจะไปถึงแกนกลางซึ่งเป็นความปรารถนาที่แท้จริง เช่น ต้องการเป็นที่รัก ต้องการการยอมรับจากอีกฝ่าย ดังนั้นตราบใดที่อารมณ์ยังปอกไม่ออก ของที่อยู่ข้างในก็ยังไม่มาให้เห็นค่ะ

คนที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของอารมณ์และเห็นแต่เรื่องไม่ดีของอีกฝ่าย มักจะลงเอยที่ความสิ้นหวังค่ะ ลองจินตนาการว่าเราเรือล่มอยู่กลางมหาสมุทร รอบข้างมีแต่น้ำซึ่งหมายถึงความสิ้นหวัง ถ้าลองตะเกียกตะกายว่ายจนหมดแรงก็ยังไม่มีใครช่วย เราก็จะจมน้ำในที่สุด ซึ่งอาจจมเพราะหมดแรงหรือจมเพราะตัดสินใจไม่ว่ายต่อแม้จะยังมีแรงก็ได้ แต่ถ้ามีความหวังส่งไปให้เพียงน้อยนิด เช่น โยนไม้กระดานไปให้เกาะสักแผ่น บางทีชีวิตที่อับจนหนทางอาจจะสดใสขึ้นค่ะ ตอนหนึ่งในแอนิเมชั่น “Miss Hokusai” นำเสนอเรื่องนี้ได้น่าสนใจเชียวค่ะ

Advertisement

“Miss Hokusai” เป็นแอนิเมชั่นในปี 2015 ดัดแปลงจากการ์ตูน เล่าถึงชีวิตของ “โอเอย์” หญิงสาวที่เกิดในยุคปลายเอโดะ (ปี 1814 คือราว 200 กว่าปีก่อน) เธอเป็นลูกสาวของจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่และตัวเธอเองมีพรสวรรค์มากเช่นกัน มีครั้งหนึ่งโอเอย์ได้รับการว่าจ้างให้วาดภาพนรก เธอวาดได้น่ากลัวมากจนกระทั่งนายหญิงในบ้านนั้นเริ่มมีอาการทางประสาท เห็นยมทูตและผีสางมาหลอกหลอนและจะจับเธอลงนรกด้วย พ่อของโอเอย์ดูภาพนั้นและวาดภาพเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาที่มุมภาพ เป็นภาพพระโพธิสัตว์แผ่เมตตาให้เหล่าวิญญาณและผีสางในนรก หลังจากนั้นนายหญิงก็ไม่มีอาการทางประสาทอีกเลย พ่อของโอเอย์ต้องการบอกเราว่า ในทุกความกลัวและสิ้นหวัง หากมีความหวังแม้เพียงเล็กน้อยก็จะช่วยประคองให้เรามีแรงต่อสู้ไปได้ค่ะ

สำหรับท่านที่ประสบปัญหาเหม็นหน้าสามีหรือภรรยาอยู่ อดทนก็แล้ว ปรับตัวก็แล้ว ผ่านมาหลายปีก็ยังเหม็นหน้าไม่หาย คุณเจมส์ เค แมคนัลตี้ จากมหาวิทยาลัยฟลอริดาในทัลลาฮัสซี ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Psychological Science บอกว่า เราแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ วิธีการคือมองหน้าอีกฝ่ายพร้อมกับดูภาพสัตว์น่ารักไปด้วย จะช่วยเพิ่มความรู้สึกพึงพอใจต่อชีวิตสมรสมากขึ้น เขาทำการศึกษาในคู่แต่งงานอายุไม่เกิน 40 ปี 144 คู่ ที่แต่งงานมาไม่เกิน 5 ปี กลุ่มทดลองให้ดูภาพคู่สมรสพร้อมกับภาพที่กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่ดี เช่น ลูกสุนัขหรือกระต่าย อีกกลุ่มหนึ่งให้ดูอักษรคำว่า “wonderful” ส่วนกลุ่มควบคุมให้ดูภาพคู่สมรสกับรูปที่มีความหมายกลางๆ เช่น กระดุม ทำเช่นนี้ทุก 3 วัน ต่อเนื่องกัน 6 สัปดาห์ ถามความพึงพอใจในชีวิตสมรสทุก 2 สัปดาห์ จนถึงสัปดาห์ที่ 8 ผลพบว่ากลุ่มทดลองรู้สึกพึงพอใจในชีวิตสมรสมากกว่ากลุ่มควบคุม

ท่านใดเหม็นเบื่อหน้าสามีหรือภรรยา ลองเลี้ยงสัตว์น่ารักแล้วดูหน้าแฟนเราคู่กับสัตว์นั้น หรือตั้งรูปพื้นหลังโทรศัพท์เป็นหน้าแฟนครึ่งหนึ่งและหน้ากระต่ายครึ่งหนึ่ง บางทีได้เห็นหน้าแฟนครั้งต่อไปอาจจะรู้สึกไม่แย่อย่างที่เคยเป็นค่ะ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image