ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | จันทร์รอน [email protected] |
เผยแพร่ |
โลกปัจจุบันที่เคลื่อนไปด้วยสังคมออนไลน์ คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยมีช่องทางที่จะบอกกล่าวความรู้ ความคิด และความรู้สึกไปถึงกันและกันได้ตลอดเวลา แทบไม่มีข้อจำกัดหรืออุปสรรคด้วยเวลาและพื้นที่เหมือนที่เคยเป็นมา
และไม่เพียงแค่สื่อสารระหว่างคนต่อคนเท่านั้น ยังต่อเชื่อมให้ได้รับรู้แบบสาธารณะ นั่นคือใครก็เข้ามารู้ได้ และบ่อยครั้งที่แม้ไม่อยากรู้ แต่ยังรับรู้
สังคมเช่นนี้เองที่ทำให้ได้เห็นว่า ชีวิตมนุษย์ที่เคลื่อนไปในโลกในปี ยากอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง อยู่ร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ หรืออย่างน้อยความขัดแย้งหากเกิดขึ้นจะเป็นเพียงการแย่งชิงกันชั่วขณะ เฉพาะหน้าเฉพาะเรื่องเหมือนการต่อสู้ของสัตว์อื่นที่อาจจะเป็นแค่เรื่องการแย่งชิงอาหาร หรือแย่งชิงคู่เพื่อสืบพันธุ์
แต่มนุษย์เราไปไกลกว่านั้นมากมาย เหมือนว่าส่วนลึกแล้วจะกลับมามีไมตรีที่แท้ต่อกันไม่ได้แล้ว
จนกระทั่งมีความเชื่อว่าคนเรามีสัมพันธ์ และอยู่ร่วมกันได้ด้วยต่างคนต่างหวังในผลประโยชน์ที่จะได้จากความสัมพันธ์ และการอยู่ร่วมกันนั้น
มิตรภาพ เป็นเพียงหน้ากากที่ใส่ไว้เพื่อปกปิดความปรารถนาที่แท้จริงในจิตใจ
เหตุผลที่เป็นจุดเริ่มของความขัดแย้ง ช่วงชิง จึงมีมากมายและถูกซ่อนเร้นไว้
รู้ได้ยากว่าอะไรทำให้ต้องขัดแย้งกับคนอื่น อย่าว่าแต่คนที่มาสัมผัสสัมพันธ์ไม่รู้ไม่เข้าใจเลย บ่อยครั้งแม้กระทั่งตัวเองยังมองไม่เห็นว่าอะไรเป็นแรงกระตุ้นภายในที่ผลักดันให้ต้องไปจ้องไปทำร้าย ทำลาย ฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบเพื่อนร่วมโลก
แรงผลักดันนั้นได้กลายสัญชาตญาณที่แม้กระทั่งตัวเองก็ไม่ชัดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
มีคนจำนวนมากมายที่ไม่คิดจะรับรู้
ต่างคนต่างมอง ต่างวิเคราะห์คนอื่น แล้วมาหาทางที่จะทำให้ตัวเองเหนือกว่า ได้เปรียบกว่า
บ่อยครั้งสิ่งที่สร้างเพื่อให้เกิดความเหนือกว่า ได้เปรียบกว่านั้นไม่ใช่การพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่เป็นการทำลายให้คนอื่น หรือคนที่ต้องการเอาชนะแย่ลง
บ่มเพาะจิตใจทำลายล้าง จนกลายเป็นนิสัยสะสมที่ยากจะเปลี่ยนแปลง
โลกที่เคลื่อนไปด้วยพลังของกระแสจิตสำนึกเช่นนี้ จึงโกลาหล อลหม่าน
ต่างคนต่างแสวงหาวิชาความรู้ที่จะก้าวไปสู่ความเป็นผู้เหนือกว่า ได้เปรียบกว่า
โลกเต็มไปด้วยการอบรมสั่งสอนให้มีความเชี่ยวชาญในวิชาเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษาของทางการ ที่ปลูกฝังกันตั้งแต่ระดับประถมให้เรียนรู้สำนึกของการแข่งขันช่วงชิง จนถึงมหาวิทยาลัยในทุกระดับปริญญาที่รวบรวมเอาความรู้เพื่อการได้เปรียบ เพื่อชัยชนะเพื่อนร่วมโลกในด้านต่างๆ มาไว้ และหล่อหลอมให้ผู้คนสืบนิสัยสะสมนั้น
หรือกระทั่งการอบรมสารพัดหลักสูตรก็มีเจตจำนงที่จะให้เป็นไปเพื่อการนี้
เพื่อสร้างเครือข่ายที่ได้เปรียบกว่า ให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่อย่างเหนือผู้อื่นได้ง่าย ได้สะดวกขึ้น
เรื่องราวที่ก่อให้เกิดจิตสำนึกเช่นนี้ ถูกนิยามให้เป็นความปกติ เป็นกระแสโลก เป็นธรรมชาติของชีวิตที่ใครๆก็ทำกัน และต้องเป็นไปเช่นนี้
และการหาหนทางที่จะเหนือกว่า ได้เปรียบกว่า ได้ดี จะได้รับการให้คุณค่าว่า “ฉลาดกว่า”
มนุษย์เราเชิดชูความฉลาดที่จะเอารัดเอาเปรีบบคนอื่นได้เก่งกว่า
และต่างวิ่งเข้าต่อสู้เพื่อให้ได้รับการเชิดชูว่าเป็น “คนเหนือคน” นั้น
เมื่อมีโลกออนไลน์ เรื่องราวเหล่านี้ได้สะท้อนชัดเจนขึ้นว่า กระแสคลื่นชีวิตของมนุษย์ดำเนินไปเช่นนั้น
คลื่นมนุษย์เคลื่อนไปด้วยแรงกระตุ้นที่จะแสวงหาความฉลาดเพื่อยอดความทะยานอยากที่จะเหนือกว่า ได้เปรียบกว่า เพื่อนร่วมโลก
มีความสุขอยู่กับการเสพความรู้สึกพองที่สมอยาก
คนที่เข้าถึง “ความฉลาดที่ต่อยอดจากความสงบ”
อันเป็นต้นธารแห่งมิตรไมตรีที่แท้จริง ดูจะเลือนหายไปเรื่อยๆ