คอลัมน์ เดือนหงายที่ชายโขง : ความหวังสดใสที่เวียดนาม

ปี 2017 ที่ผ่านมาดูจะเป็นปีที่สดใสของชาวเวียดนาม เมื่อสภาพเศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในภาคการผลิต การส่งออก และการลงทุนภายในประเทศ โดยตัวเลขผลผลิตมวลรวมประชาชาติ (GDP) ของเวียดนามเติบโตถึง 6.81% เป็นการเติบโตสูงที่สุดในรอบ 10 ปี สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ 6.7% และทางธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ยังคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2018 นี้ว่า จะเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 6.5%

อะไรคือเหตุผลของการเติบโตอย่างรวดเร็วในเวียดนาม?

การปฏิรูปกฎระเบียบรัฐภายใต้การนำของ เหงวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และ เหงวียน ซวน ฟุก ต่อเนื่องจากยุคการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของอดีตนายกรัฐมนตรี เหงวียน เติ้น สูง ทำให้เงินลงทุนจากต่างประเทศสามารถเข้ามาทำประโยชน์และสร้างระบบเศรษฐกิจเวียดนามได้มากขึ้น โดยเม็ดเงินลงทุนโดยตรง (FDI) ในปี 2017 สูงถึง 29.68 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 44.4% จากปี 2016 มูลค่าการนำเข้าส่งออกเพิ่มขึ้น 23% เป็น 155.24 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยกลุ่มทุนหลักที่เข้ามาลงทุนคือ เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนสร้างโรงงานจอภาพขนาดใหญ่มูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐของกลุ่มซัมซุงในเขตอุตสาหกรรมดานัง ที่ขยายการจ้างงานและการกระจายรายได้ขึ้นมาอย่างสูง

ปัจจัยสำคัญยิ่งที่ดึงดูดกลุ่มทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในเวียดนาม คือแรงงานที่อยู่ในวัยรุ่นหนุ่มสาว มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้งานและรับเอานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้งาน เป็นทั้งผู้ผลิตและบริโภคไปด้วย ประชากรของเวียดนาม 93 ล้านคนนั้น กว่า 60% อยู่ในวัยทำงานอายุต่ำกว่า 35 ปี มีกำลังและความใฝ่ฝันที่จะริเริ่มธุรกิจใหม่ๆ ในภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่นการลดดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อธุรกิจของธนาคาร และการออกตราสารเพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

Advertisement

คนวัยทำงานอายุต่ำกว่า 35 ปี ที่เข้าทำงานในบริษัทข้ามชาติ และได้รับค่าแรงที่สูงขึ้นกว่าแรงงานเดิม สามารถยกระดับตัวเองและครอบครัวขึ้นเป็นชนชั้นกลางที่ต้องการการบริโภคสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีขึ้น นอกจากนี้พวกเขายังใช้เวลาและเงินทุนเพื่อสร้างกิจการด้วยความอุตสาหะพากเพียรอันเป็นคุณลักษณะอันลือชื่อของชาวเวียดนามมาโดยตลอด

ธุรกิจใหญ่ของประเทศไทยหลายเจ้าก็เล็งเห็นศักยภาพนี้ และเข้าไปลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ทั้งเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ที่เข้าไปทำการเกษตรแบบพันธสัญญา เช่น เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา ปลูกกล้วยในเขตลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง

เครือเซ็นทรัลที่ซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และโรงแรม รวมถึงร้านอาหารอย่าง MK สุกี้ ที่เปิดสาขาประสบความสำเร็จในนครโฮจิมินห์

Advertisement

เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในอินโดจีน ชาวเวียดนามนิยมสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารไทยว่าเป็นของดีมีคุณภาพในราคาเข้าถึงได้ โอกาสในการเจาะตลาดเวียดนามของสินค้าและบริการไทยยังมีอีกมาก ทั้งการส่งออก การเข้าไปลงทุนผลิต และการร่วมทุนกับธุรกิจเวียดนามเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน

ในไตรมาสแรกของปี 2018 เศรษฐกิจเวียดนามยังโตร้อนแรงที่ 7.38% ถ้าได้เข้าไปในย่านเศรษฐกิจของเมืองใหญ่ของเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็น ฮานอย โฮจิมินห์ซิตี้ หรือดานัง จะพบร้านค้าเปิดใหม่มากมาย ตึกสูงที่กำลังก่อสร้าง รวมถึงความมีชีวิตชีวาของผู้คนหนุ่มสาวที่หมุนเวียนไปมาในเมือง

ในอนาคตที่ดูสดใสนี้ ยังมีจุดตายอันตรายอยู่ คือโครงสร้างการบริหารงานของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ล้าหลัง ถูกกุมไปด้วยคนแก่ที่ผ่านสงครามมายาวนาน และการคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐที่คนรุ่นใหม่อันเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศไม่สามารถแสดงความเห็นได้ทั่วไป

ความขัดแย้งระหว่างคนสองรุ่นนี้จะรุนแรงมากขึ้นในไม่ช้า ถ้าคิดว่าคนรุ่นใหม่ 60% ดังกล่าวที่ถูกปิดกั้นเสียงจะแสดงอำนาจทางเศรษฐกิจและสังคมออกมาอย่างไรในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image