| ที่มา | คอลัมน์ แท็งก์ความคิด |
|---|---|
| ผู้เขียน | โดย นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาส่งท้ายงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
งานนี้จัดมาตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมและเสร็จสิ้นในวันที่ 8 เมษายน
คนรักการอ่าน คนรักหนังสือ ยังคงเวียนแวะไปชมหนังสือใหม่และหนังสือถูกใจกันหนาแน่นเช่นทุกปี
สำนักพิมพ์มติชนแจ้งว่า หนังสือหมวด “ตามรอยออเจ้า” ที่เป็นหนังสือแนวประวัติศาสตร์ยุคสมัยพระนาราย์มหาราชนั้น ขายดี
ส่วนหนังสือที่เขียน แปล พิมพ์ ใหม่ก็ได้รับการตอบรับ เพราะมีความหลากหลาย
หลากหลายทั้งเรื่องราวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อ 2
ในหนังสือ “America First รบเถิดอรชุน” ทำให้รู้ว่าแนวคิดนี้มิได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคทรัมป์
หากแต่เคยเกิดมาแล้วในอดีต
หนังสือเล่มนี้มี “ภาณุ ตรัยเวช” เป็นผู้เขียน
เพียงแต่เป็นแนวคิดที่มีความเหมือนและความต่างกับปัจจุบันกันอยู่บ้าง
นอกจากนี้ ยังมีหนังสือนิยายเชิงประวัติศาสตร์พม่า ชื่อเรื่อง “The Glass Palace ร้าวรานในวารวัน”
เขียนโดย “Amitav Ghosh” แปลโดย ธีรศักดิ์ จิรรัตนไพโรจน์
เป็นเรื่องราวตอนที่พม่ากำลังสูญเสียเอกราชให้กับผู้บุกรุกชาวตะวันตก
อีกสักเรื่อง คือ “อย่าเรียนฉันว่านังแพศยา” เขียนโดย “หลิวจิ้นอวิ๋น” แปลโดย “ศุณิษา เทพธารากุลการ”
ฉายภาพของสังคมจีน และการต่อสู้ของผู้หญิงที่ถูกชายหักหลัง
นี่ยังไม่รวมถึงสังคมตุรกีในเรื่อง “A Strangeness in My Mind หากหัวใจไม่สามัญ” ที่ “Orhan Pamuk” เขียน “นพมาส แววหงส์” แปลนะ
เอาเป็นว่า ใครเข้าไปในบูธของสำนักพิมพ์มติชนในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งนี้
จะพบกับหนังสือประวัติศาสตร์ไทย นิยายอิงประวัติศาสตร์พม่า เรื่องราวที่สะท้อนสังคมจีน
รวมไปถึงสังคมตะวันตกด้วย
ดังนั้น ใครที่สนใจยังมีเวลาไปจัดซื้อจัดหา เก็บเกี่ยวเรื่องราวต่างๆ จากการอ่านได้
บอกแล้วว่าสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ คือ สัปดาห์แห่งความสุข
ความสุขจากการอ่าน ความสุขเช่นนี้เครือมติชนอยากแบ่งปันไปให้ทั่ว
วันนี้จึงจัดโครงการเพื่อเด็กและเยาวชนจะได้อ่าน
โครงการ ชื่อ “10 เล่ม 1,000 โรงเรียน”
วิธีการคือคัดหนังสือ 10 ปกแล้วแจกไปยังโรงเรียนต่างๆ 1,000 แห่ง
นายสมหมาย ปาริจฉัตต์ รองประธานกรรมการบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) คนผลักดันให้เกิดโครงการนี้ บอกว่า ต้องการให้คนรักการอ่าน
โครงการส่งเสริมการอ่านเช่นนี้ เครือมติชนทำมาหลายครั้ง
ก่อนหน้านี้เคยจัดทำโครงการ “จุดประกายปัญญา” โครงการ “25 ปีมติชน ระดมทุนหาหนังสือดีเข้าห้องสมุด 250 โรงเรียน”
โครงการ “ซื้อหนังสือดีให้ โรงเรียน I See U” โครงการสนับสนุนห้องสมุด “พร้อมปัญญา”, โครงการ “ตู้อักษรซ่อนปัญญา”
โครงการจัดหาหนังสือให้โรงเรียนทางภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย
โครงการเหล่านั้นแจกหนังสือปริมาณมากให้แก่โรงเรียน และเรือนจำ
ผลก็คือโรงเรียนที่ได้รับมีจำนวนน้อย
แต่สำหรับโครงการนี้ แจกหนังสือน้อย แต่อยากกระจายไปสู่โรงเรียนมาก ๆ
นั่นคือแจก 10 เล่ม ให้กับ 1,000 โรงเรียน
หนังสือ 10 เล่มที่ตระเตรียมไว้ คือ สถิตในใจชน, Knockdown Money ออมเงินให้อยู่หมัด, คำส่องใจ,
7 กฎเหล็ก สู่ความเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ 50 สิ่งแรกในเมืองไทย, พ่อแม่หมายเลข 1, คือลมหายใจ ไม่ใช่อากาศ
50 คนดังนอกตำรา, ซุนวู ฉบับการ์ตูนคลาสสิก
และ ชีวิตไม่ทิ้งให้ว่างเปล่า”
หนังเหล่านี้จะมอบให้แก่ห้องสมุดโรงเรียนที่ต้องการ
โรงเรียนไหนต้องการก็แค่เสนอชื่อโรงเรียนมาให้มติชนพิจารณา
หลังจากผ่านการพิจารณาแล้วว่าเหมาะสม ทางมติชนจะจัดส่งหนังสือ 10 เล่มดังกล่าวไปให้
โรงเรียนที่ต้องการเพียงแค่ระบุชื่อโรงเรียน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ชื่อผู้ติดต่อ ตำเเหน่ง เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์
แล้วเขียนเล่าเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ถึงห้องสมุด โรงเรียน และเหตุที่ต้องการ
เสร็จแล้วส่งรายละเอียดผ่านไปรษณีย์ หรืออีเมล์มาที่ นายนพดล เเดงเเตง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทร 0-2589-0020 ต่อ 1702 อีเมล์ : [email protected]
โครงการนี้จะปิดรับชื่อโรงเรียนในวันที่ 30 เมษายน
ดังนั้นใครสนใจรีบดำเนินการ
นายสมหมายบอกว่า เครือมติชน หวังว่าโครงการนี้จะกระตุ้นให้คนไทยรักการอ่าน
แม้ตอนนี้ หลายคนอาจมองว่าคนไทยไม่อ่านหนังสือแล้ว มองว่าคนไทยหันไปอ่านเนื้อหาสาระทางออนไลน์กันหมด
โครงการนี้จะพิสูจน์ว่าไม่จริง จะยืนยันว่าหนังสือยังมีความสำคัญ
หนังสือยังมีความจำเป็นต้องดำรงอยู่
แม้ขณะนี้คอมพิวเตอร์จะทำให้ผู้คนสะดวกสบายขึ้น
แม้ว่าพฤติกรรของผู้คนจะไม่ไปเเผงหนังสือ และเมื่อเหลียวมองรอบๆ แผงหนังสือก็ลดน้อยถอยลง
แต่เราก็ยังคงอยากจะให้หนังสือไปอยู่ใกล้ๆ มือเด็กและเยาวชน
อยากให้ห้องสมุดโรงเรียนมีหนังสือดีๆ เอาไว้ให้ผู้คนอ่าน
อยากให้หนังสือที่สร้างความสุขให้คนอ่านอยู่ใกล้ๆ ตัวทุกคน
ทุกคนจะได้มีความสุขจากการอ่าน
มีความสุขจากหนังสือที่อยู่ในมือ
ตรงนี้ คือ ความหวัง
ตรงนี้คือเเนวทางของพวกเรา
