ผู้เขียน | อาจวรงค์ จันทมาศ |
---|
ทุกวันนี้ ถ้าพูดถึงดาราศาสตร์ แทบทุกคนจะนึกถึงการนำกล้องโทรทรรศน์มาส่องดูดาว
กิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับดาราศาสตร์จึงต้องมีกล้องโทรทรรศน์มาเป็นองค์ประกอบสำคัญของงาน ไม่ต่างจากนักดาราศาสตร์ที่ใช้กล้องโทรทรรศน์ในการศึกษาวัตถุท้องฟ้าเป็นจนเรื่องปกติ เพียงแต่กล้องโทรทรรศน์ของเหล่านักดาราศาสตร์นั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ใช้ในการจัดกิจกรรมและการเรียนการสอนทั่วไปเท่านั้น
แต่หากย้อนกลับไปในสมัยของโคเปอร์นิคัสหรือก่อนหน้านั้น การศึกษาดาราศาสตร์จะใช้เพียงตาเปล่า เครื่องวัดมุมบนท้องฟ้าเพื่อระบุตำแหน่งดวงดาว โดยไม่มีการใช้กล้องโทรทรรศน์เลย
บุคคลที่ใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องขึ้นไปบนท้องฟ้าคนแรกคือ นักดาราศาสตร์ชาวอิตาเลียน กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
การนำกล้องโทรทรรศน์ไปส่องวัตถุท้องฟ้านี้เองนับเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่งของดาราศาสตร์ เนื่องจากคนสมัยนั้นมีความคิดว่าท้องฟ้าเป็นที่สถิตของเหล่าทวยเทพบนสวรรค์ที่อยู่ห่างออกไปแสนไกล ใครเล่าจะคิดว่าอุปกรณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นจะช่วยให้เข้าใกล้เทพเจ้ามากขึ้นได้ แต่กล้องโทรทรรศน์ที่กาลิเลโอพากเพียรประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยตนเองช่วยให้เขาได้ค้นพบสิ่งใหม่ที่ไม่ตรงกับความเชื่อเก่าแก่ที่พร่ำสอนกันมาเลย
(ดูภาพที่ 1)
อย่างแรกคือ การค้นพบว่าพื้นผิวของดวงจันทร์นั้นมีหลุม และมีภูเขาอยู่ ซึ่งไม่ตรงกับที่เคยสอนกันมาว่าวัตถุท้องฟ้าล้วนเป็นทรงกลมสมบูรณ์แบบ และเชื่อว่าดวงจันทร์เป็นทรงกลมที่มีผิวราบเรียบ แต่ที่เราเห็นด้วยตาเปล่าว่าแต่ละส่วนของดวงจันทร์มีสีแตกต่างกันนั้นเป็นเพราะการสะท้อนแสงที่แตกต่างกันออกไป
(ดูภาพที่ 2)
อย่างที่สองคือ กาลิเลโอใช้กล้องโทรทรรศน์ในการสังเกตดวงอาทิตย์ จนพบว่าดวงอาทิตย์มีจุดที่มืดกว่าบริเวณอื่นๆ เรียกว่า จุดบนดวงอาทิตย์ (sunspots) ซึ่งมีการเปลี่ยนตำแหน่งไปในแต่ละวัน นั่นหมายความว่าดวงอาทิตย์เองก็ไม่ใช่ทรงกลมราบเรียบอย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังขัดกับความเชื่อที่ว่าสิ่งต่างๆ บนสวรรค์นั้นมีความเป็นนิรันดร์และไม่เปลี่ยนแปลง แต่จุดบนดวงอาทิตย์กลับสามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่งได้
(ดูภาพที่ 3)
อย่างที่สามคือ การสังเกตทางช้างเผือก
เมื่อเรามองทางช้างเผือกด้วยตาเปล่า จะเห็นเป็นแถบฝ้าสีขาวจางๆ บนท้องฟ้าคล้ายกับก้อนเมฆบางๆ ซึ่งจะสังเกตเห็นได้เมื่อค่ำคืนนั้นไม่มีแสงรบกวนจากเมือง แม้คนสมัยโบราณจะรู้ดีว่ามันไม่ใช่เมฆเพราะมันไม่ลอยหายไปไหน แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ จึงเรียกตามลักษณะที่ปรากฏว่า ทางน้ำนม หรือ Milky way
แต่กาลิเลโอใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องไปยังทางช้างเผือกจนเห็นว่าแท้จริงแล้ว มันประกอบไปด้วยดาวมากมายมหาศาล นั่นเป็นครั้งแรกที่มนุษย์ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วทางช้างเผือกบนท้องฟ้าคืออะไรกันแน่
อาทิตย์หน้าจะมาเล่าให้ฟังครับว่า การค้นพบอย่างที่สี่ คืออะไร
แหล่งข้อมูล
https://www.forbes.com/sites/briankoberlein/2017/08/25/did-you-look-at-the-sun-so-did-galileo/#1e9cf861296e
http://galileo.rice.edu/lib/student_work/astronomy95/moon.html