| ที่มา | คอลัมน์ โลกสองวัย มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | บางกอกเกี้ยน |
จบเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตรายไปเมื่อวานนี้แล้ว จำนวนผู้เสียชีวิต บาดเจ็บทั้งสาหัสและไม่สาหัสมีจำนวนมากน้อยเท่าใด วันนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย แถลงอย่างเป็นทางการ
ขณะที่นับแต่วันอังคารมีตัวเลขของวันจันทร์เรื่อยมาถึงเมื่อวานนี้ ทุกวัน อย่างไม่เป็นทางการ
มาตรการ “เมาขับ” มีโทษน่ากลัว โดยเฉพาะกับคนกลัวผี คือโทษให้บริการสังคม 48 ชั่วโมง
ขณะที่นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ทุกฝ่ายร่วมกันดำเนินการดังนี้
1.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการนายอำเภอและพัฒนาการอำเภอระดมข้าราชการในพื้นที่ มอบหมายให้ปลัดอำเภอ พัฒนากรตำบล ลงไปพื้นที่ตำบล หมู่บ้าน ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบอย่างร้ายแรงของอุบัติเหตุการดื่มสุรา พร้อมกำหนดวิธีการรณรงค์ เชิญชวน อาจกำหนดเป็นกติกาหมู่บ้าน ชุมชน เช่น ยึดกุญแจรถ หรือยึดรถไว้ รวมทั้งอาจมีการกำหนดบทลงโทษทางสังคม เช่น บำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม ทำความสะอาดวัด หรือตามความเหมาะสม
2.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน รวมทั้งเชิญผู้นำศาสนาระดมสมองหาวิธีการสนับสนุนมาตรการ หรือใช้กฎกติกาหมู่บ้าน ชุมชน ห้ามขับขี่ยานพาหนะเมื่อดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ให้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในจังหวัด
3.ให้สร้างกระแสและปลุกจิตสำนึกการไม่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะ ใช้การสื่อสารเชิญชวนทุกช่องทาง และขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ประชาสัมพันธ์ติดตั้งป้ายในย่านชุมชนเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด
4.ให้จัดตั้งด่านชุมชนเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 จุด ตามสภาพพื้นที่
มาตรการทั้งหมดนี้ ได้ผลมากน้อยเพียงใด วันนี้รู้แล้วว่าเป็นอย่างไร กระนั้น หากนำมาปฏิบัติอย่างเข้มงวดต่อไป อย่างน้อยนานเดือนสองเดือน แล้วเว้นเป็นสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง เชื่อว่านับแต่นี้ ผู้ที่ขับขี่ดื่มสุราเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์จะลดน้อยลงไป โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีรถยนต์สาธารณะ เช่น แท็กซี่ให้กลับบ้าน
อีกประการหนึ่งคือมาตรการจากอธิบดีกรมคุมประพฤติ พันตำรวจเอกณรัชต์ เศวตนันทน์ กล่าวถึงมาตรการรณรงค์เมาไม่ขับลดอุบัติเหตุในส่วนของกรมคุมประพฤติว่า จะใช้มาตรการการทำงานสังคมแบบเข้มข้น 48 ชั่วโมง
มาตรการที่ให้ผู้เมาแล้วขับและเป็นผู้ถูกคุมประพฤติตามคำสั่งศาลไปทำงานบริการสังคมที่ห้อง “ดับจิต” ของโรงพยาบาลนั้น เป็นอีกมาตรการหนึ่งที่นำมาใช้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ของบุคคลที่เมาแล้วขับ อีกทั้งสังคมมองว่า เพียงงานบริการสังคม กวาดถนน ทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ ไม่สามารถสร้างความตระหนักให้กับผู้ขับขี่ได้
อธิบดีกรมคุมประพฤติแจ้งด้วยว่า ได้ทำหนังสือไปยังสำนักงานคุมประพฤติ 105 แห่งทั่วประเทศ ประสานงานกับโรงพยาบาลเพื่อใช้มาตรการที่ว่ากับบุคคลซึ่งศาลมีคำสั่งให้คุมประเพฤติ เชื่อว่ามาตราการนี้จะช่วยลดอุบัติเหตุด่อย่างน้อยร้อยละ 10
อีกมาตรการหนึ่งคือมาตรการที่ใช้กับผู้กระทำผิดเงื่อนไข คือส่วนของกรมการขนส่งทางบก คัดกรองไม่ให้ผู้หนีการคุมประพฤติทำใบขับขี่ ทั้งขอความร่วมมือกับสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติคัดกรองผู้อยู่ระหว่างคุมประพฤติบวช ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี
ที่นำมาตรการใช้กับ “เมาแล้วขับ” มาปิดท้าย 7 วันอันตราย แทนที่จะเปิดรายการ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่ารัฐบาลเข้มงวดกวดขันกับผู้เมาแล้วขับไม่ให้ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น เช่นไปทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บล้มตายจากสาเหตุบุคคลผู้นั้น “เมาแล้วขับ”
ไม่ทราบว่าวันนี้ มาตรการช่วยงานห้องดับจิตในโรงพยาบาลมีใครได้รับมากน้อย จำนวนเท่าใด มีใครปฏิเสธไม่ขอทำงานในห้องดับจิตบ้าง แค่ฟังมาตรการห้องดับจิตแล้วแทบหายเมาเลยไหมน้อง – บรื้อ
