‘เวคาแห่งสยาม’ 50 ปี ทรงเรือใบข้ามอ่าวไทย

(จากซ้าย) ขณะประทับบนเรือใบเวคา, ทรงปักธงราชนาวิกโยธินหลังทรงเรือใบถึงฝั่ง, ทรงลงพระปรมาภิไธยบนแท่นหินประวัติศาสตร์

“ณ ที่นี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จอมทัพไทย ได้ทรงเรือใบขนาด 13 ฟุต ด้วยพระองค์เองพระองค์เดียว จากหัวหินมาถึงสัตหีบ เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2509 เริ่มเวลา 0428 ถึงเวลา 2128 ทั้งนี้เป็นพระปรีชาสามารถอย่างยอดเยี่ยม เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กองทัพเรือได้ขอพระราชทานพระมหากรุณาให้ทรงลงพระปรมาภิไธยไว้เป็นสิริมงคลและเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่กองทัพเรือสืบไป”

ข้อความข้างต้นอันปรากฏอยู่บนแท่นหินประวัติศาสตร์ ณ อ่าวนาวิกโยธิน ภายในหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ จวบจนปัจจุบัน ไม่เพียงจะทำให้พสกนิกรชาวไทยได้ประจักษ์ในพระอัจฉริยะภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น หากแต่ยังเป็นแบบอย่างให้ทุกคนได้ตระหนักถึงปรัชญาที่แฝงไว้ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย

นั่นคือความเป็นจริงที่ว่าการดำเนินชีวิตไม่ต่างอะไรกับการนำเรือไปสู่จุดหมาย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าฟ้าจะปลอดโปร่ง ทะเลเรียบเสมอไป บางครั้งอาจเผชิญคลื่นลม อากาศแปรปรวนโหมกระหน่ำหรือแสงจ้าจากตะวันแผดเผา

แต่ไม่ว่าจะเผชิญกับสิ่งใด คนบนเรือจะต้องมีสติมั่นคงดำรงไว้ซึ่งความแน่วแน่เพียรพยายามไม่ท้อถอย เพื่อนำนาวาชีวิตของตนไปถึงปลายทาง เหมือนดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแสดงให้เป็นที่ประจักษ์จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น

Advertisement
ทรงฉายภาพหน้าเรือใบเวคา
ทรงฉายภาพหน้าเรือใบเวคา

“แม้เวลาจะผ่านมานานถึง 50 ปีแล้ว แต่ทหารนาวิกโยธินและครอบครัวที่เฝ้าฯรับเสด็จ หน้าชายหาดในคืนวันที่ 19 เมษายน 2509 ยังคงจดจำภาพเหตุการณ์นั้นได้ไม่ลืม” พลเรือเอก ยุธยา เชิดบุญเมือง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ในยุคนั้นใช้ชื่อกรมนาวิกโยธิน) ลำดับที่ 8 ซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันรำลึกเรื่องราวในอดีต

“ตอนที่เรือยังมาไม่ถึงพวกเรากังวลกันมาก เพราะค่ำมืดแล้วสภาพอากาศก็ไม่ดี แต่แล้วทุกคนก็โล่งใจเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารนาวิกโยธินแห่งราชนาวีไทย ทรงเรือใบมาถึงหน้าหาดในราวสามทุ่ม พวกเราลุยน้ำออกไปรับเสด็จด้วยความปีติยินดี ชื่นชมในพระอัจฉริยะภาพและความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญของพระองค์ เป็นเราคงไม่กล้า เพราะเรือใบลำเล็กต้องแล่นข้ามอ่าวมาเป็นระยะทางไกล แต่พระองค์ท่านกล้าและทรงทำสำเร็จ

“อาหารที่ทรงนำไปบนเรือในวันนั้นคือ แซนด์วิชและโปรดเกล้าฯ ให้นำน้ำชาจีนไปด้วย โดยทรงรับสั่งว่าทำให้คล่องคอดี”

Advertisement

หม่อมเจ้าภัคเดช รัชนี ซึ่งเป็นนักกีฬาเรือใบที่เคยแข่งขันใกล้ชิดกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเหตุการณ์ครั้งนั้น บันทึกความทรงจำว่า “เหตุที่อาหารต้องเป็นแซนด์วิชก็เพื่อความสะดวก สามารถเสวยด้วยพระหัตถ์ข้างเดียว เพราะอีกข้างหนึ่งพระองค์จะต้องใช้ควบคุมหางเสือเรือใบตลอดเวลา

“การที่พระองค์ทรงแล่นใบด้วยพระองค์เพียงลำพังเป็นเวลานานถึง 17 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าทรงมีพระวรกายและพระพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงมาก”

ในวาระ 50 ปีของการทรงเรือใบข้ามอ่าว กองทัพเรือ ร่วมกับ สมาคมกีฬาแข่งเรือใบแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันแล่นใบข้ามอ่าวไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะที่พระมหากษัตริย์นักแล่นใบ

พลเรือเอกไกรสร จันทร์สุวาณิชย์ นายกสมาคมกีฬาแข่งเรือใบฯ ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน กล่าวว่า การแข่งขันครั้งนี้กำหนดไว้ในวันที่ 19 เมษายน 2559 โดยจะเป็นการตามรอยการแล่นใบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2509 ใช้เส้นทางจากชายหาดหัวหิน-ชะอำ ข้ามอ่าวไทยไปขึ้นฝั่งที่หาดนาวิกโยธินบริเวณหน้าแท่นหินประวัติศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปักธงไว้ หลังจากที่พระองค์ทรงแล่นใบมาถึงเมื่อเวลาสามทุ่มของวันนั้น

“และเนื่องจากกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะพระมหากษัตริย์นักแล่นใบ สมาคมกีฬาแข่งเรือใบฯ จึงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกองทัพเรือ การกีฬาแห่งประเทศไทย รวมทั้งภาคเอกชน อาทิ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบรฟ โรงพยาบาลธนบุรี โรงแรมรีเจนท์ ชะอำ แอนด์ ชาเลย์ เป็นต้น

“เหนืออื่นใดก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ พลเรือเอกชุมพล ปัจจุสานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันและมอบรางวัลหางเสือเรือใบเวคา แก่ผู้ชนะเลิศ โดยเรือใบที่จะเข้าแข่งขันมีด้วยกันหลายประเทศ อาทิ เรือโอเค โฮบี้ ไฟร์บอล 470 420 เอนเทอร์ไพรส์ พลาทู คีลโบ้ท ทั้งนี้คาดว่าจะมีนักกีฬาที่สมัครเข้าแข่งขันเรือใบทุกประเภทรวมกันประมาณ 200 คน” พลเรือเอกไกรสรกล่าว

(ซ้ายบน) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรแผนที่อ่าวไทยขณะตามเสด็จ บนเรือหลวงจันทร (ขวาบน) ทรงฉายภาพบนเรือหลวงจันทร (ซ้ายล่าง) ทรงเตรียมด้วยพระองค์เอง (ขวาล่าง) ผบ.นย.เข้าเฝ้าฯก่อนเสด็จลงเรือ ณ พระราชวังไกลกังวล
(ซ้ายบน) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรแผนที่อ่าวไทยขณะตามเสด็จ บนเรือหลวงจันทร (ขวาบน) ทรงฉายภาพบนเรือหลวงจันทร (ซ้ายล่าง) ทรงเตรียมด้วยพระองค์เอง (ขวาล่าง) ผบ.นย.เข้าเฝ้าฯก่อนเสด็จลงเรือ ณ พระราชวังไกลกังวล

ทางด้าน พลเรือโท ธานี ผุดผาด รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และเลขาธิการสมาคมกีฬาแข่งเรือใบ เปิดเผยว่า การแข่งขันในครั้งนี้ พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ มอบหมายให้ พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ รับผิดชอบจัดเรือและอากาศยานดูแลความปลอดภัยให้กับการแข่งขันครั้งนี้ โดยจะมีเรือตรวจการณ์ชายฝั่งแล่นประกบไปกับขบวนเรือใบ ทั้งกราบซ้ายและกราบขวา ขณะที่ทางด้านหัวขบวนจะมีเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเป็นเรือนำ ซึ่งนักแล่นใบจะสามารถสังเกตเสากระโดงเรือได้จากระยะไกล ป้องกันการหลงทิศ นอกจากนี้เรายังกำหนดจุดตรวจสอบกลางอ่าวไทยไว้ถึง 2 จุด เพื่อให้แน่ใจว่าเรือใบทุกลำที่เข้าแข่งขันแล่นมากันครบ ไม่มีใครแตกขบวนออกไป

“นอกจากนี้ยังจะมีเรือขนาดใหญ่อีกหนึ่งลำพร้อม ฮ. และทีมแพทย์ประจำเรือร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อเตรียมพร้อมกรณีมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น รวมทั้งยังจะมี ฮ. อีกลำหนึ่งบินสังเกตการณ์และบันทึกภาพการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์นี้ด้วย” พลเรือโท ธานีกล่าว และว่า ทั้งหมดนี้เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของผู้บัญชาการทหารเรือที่เน้นความปลอดภัยเป็นเป้าหมายสูงสุด

พร้อมฝากเชิญชวนผู้สนใจติดตามการแข่งขันครั้งนี้ซึ่งสมาคมร่วมกับทุกภาคส่วนร่วมกันจัดขึ้นในวาระสำคัญของวงการกีฬาเรือใบไทย

ขณะที่ ดร.สมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด กล่าวว่า ปตท.สผ.มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อสืบสานพระราชปฏิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในด้านกีฬาเรือใบ อีกทั้งยังยินดีที่จะให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาแข่งเรือใบฯ ในการเสริมสร้างนักแล่นใบไทยเข้าสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศบราซิลในเดือนสิงหาคม ซึ่งในปีนี้ ปตท.สผ.ได้มอบเงินสนับสนุนแก่สมาคมกีฬาแข่งเรือใบฯ จำนวน 2 ล้านบาทอีกด้วย

19 เมษายน 2559, 50 ปีแห่งการทรงเรือใบข้ามอ่าว นับเป็นอีกวาระหนึ่งที่พสกนิกรชาวไทยจะได้หลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวในการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

แต่เหนืออื่นใดก็คือการแสดงให้นานาชาติได้ประจักษ์ว่า….

คนไทยก็มีความสามารถในกีฬาเรือใบ… ไม่แพ้ชาติใด

โดยมีกีฬาเรือใบเป็นศูนย์รวมแห่งความจงรักภักดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image