ผู้เขียน | พรรณราย เรือนอินทร์-เรื่อง, ธนศักดิ์ ธรรมบุตร-ภาพ |
---|
ในช่วงชีวิตของคนหนึ่งคน อาจยาวนานหรือแสนสั้นชั่วพริบตา
ถูกจดจำหรือลืมเลือนราวกับไม่เคยมีตัวตน
ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่หรือปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเลื่อนลอย
75 ปีของ “จักรพันธุ์ โปษยกฤต” มีความหมายยิ่งไปกว่านั้น
จากเด็กน้อย เติบโตเป็นนักเรียนศิลปะ เป็นช่างเขียน เป็นศิลปิน และเป็นครู
สร้างผลงานราวภาพฝัน อ่อนช้อย ละเมียดละไม ลึกซึ้งด้วยความหมาย งดงามอย่างอุดมคติ ทั้งยังหลอมรวมประสมประสานศาสตร์และศิลป์หลากหลาย ไม่จำกัดเพียงจิตรกรรมที่สร้างชื่อสู่ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ พุทธศักราช 2543
คว้ารางวัลเป็นหางว่าว จนไม่อาจกล่าวได้หมดสิ้น
ทำหน้าที่สำคัญด้านการอนุรักษ์งานประณีตศิลป์โบราณมากมาย อาทิ ตู้วรรณคดี หุ่นหลวง ตุ๊กตาล้ำค่า
ได้รับยกย่องเป็น “นายช่างเอกในรอบ 200 ปีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์” หนึ่งใน 52 คนนับแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ท่ามกลางเกียรติยศ ชื่อเสียง คำสรรเสริญ เจ้าตัวยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง แม้ล่วงสู่วัยชรา ราวกับเวลาไม่เคยหมดไป
เช้าตรู่ของวันที่ 16 สิงหาคม 2561 ในวันที่อายุครบ 75 ปีเต็ม บ้านเลขที่ 49/1 ในซอยเอกมัย คลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลากหลายวงการ โดยเฉพาะแวดวงศิลปะ ที่ตั้งใจเดินทางมาร่วมทำบุญเลี้ยงพระ ทั้งเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของศิลปินคนสำคัญแห่งยุคสมัย และพร้อมกันนั้นยังเป็นวันเปิดนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่คัดสรรผลงาน “ชิ้นเอก” มาให้ได้รับชมอย่างใกล้ชิด อีกทั้งบางชิ้นยังไม่เคยจัดแสดงที่ใดมาก่อน
เที่ยง 9 นาที จักรพันธุ์ โปษยกฤต ปรากฏตัวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน สีหน้าแจ่มใส แม้อยู่ในวีลแชร์ หลังล้มป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบ
จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายเครื่องไทยธรรมแด่ภิกษุสงฆ์ แล้ว “ดึงริบบิ้นดอกไม้” เปิดนิทรรศการอย่างเป็นทางการในห้องเล็กๆ แต่เปี่ยมด้วยมนต์ขลัง เพราะเดิมเป็นพื้นที่ซ้อมหุ่นกระบอกซึ่งถูกปรับเปลี่ยนเป็นห้องหับสำหรับโชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ อาทิ จิตรกรรมสีน้ำมัน “พระแม่คงคา” พ.ศ.2533, หุ่นกระบอกชุด “สามก๊ก” ตอน โจโฉแตกทัพเรือ พ.ศ.2532, หุ่นกระบอกชุด “ตะเลงพ่าย” พร้อมแม่พิมพ์ต้นแบบที่หาชมยากยิ่ง อีกทั้งประติมากรรมต้นแบบทศกัณฐ์จากเรื่องรามเกียรติ์ซึ่งตั้งตระหง่านหน้าพื้นที่จำลอง บรรยากาศห้องทำงานของศิลปินเจ้าของผลงานซึ่งให้ความรู้สึกสงบ เรียบง่าย
สีหน้าและแววตาของความมุ่งมั่นระหว่างที่อาจารย์จักรพันธุ์บรรจงแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าของ “อิเหนา” ซึ่งรับบทโดย ครูเวณิกา บุนนาค ฉายแจ่มชัดบนภาพถ่ายเก่าสีจางในมุมหนึ่งของห้อง
“ขอต้อนรับ”
คำกล่าวสั้นๆ ด้วยเสียงแหบพร่า ทว่ามีรอยยิ้มแห่งความสุข ท่ามกลางวงล้อมอันอบอุ่นของลูกศิษย์ลูกหาและผู้ศรัทธาในผลงาน
จากนั้น วัลลภิศร์ สดประเสริฐ รองประธานมูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต รับหน้าที่บอกเล่าถึงนิทรรศการสำคัญครั้งนี้แทน โดยระบุว่า จัดขึ้นภายใต้โครงการ “จักรพันธุ์ โปษยกฤต นิทรรศการ” เพื่อให้ประชาชนได้เข้าชมและหาความรู้จากงานศิลปกรรมของอาจารย์จักรพันธุ์ในรูปแบบนิทรรศการหมุนเวียน ประกอบด้วย ภาพเขียน หุ่นกระบอก ประติมากรรม และงานประณีตศิลป์ หมุนเวียนทุก 4 เดือน เริ่มแสดงผลงานชุดแรกนับแต่บัดนี้จนถึง 25 ธันวาคม
“ในนิทรรศการมีทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม หุ่นกระบอก ซึ่งโยงกับดนตรีนาฏศิลป์ เนื่องจากอาจารย์จักรพันธุ์ศึกษาศิลปะหลากหลายแขนง และด้วยความเป็นคนตั้งใจทำอะไรแล้ว ทำจริง จึงทำได้ดีทุกอย่าง และทำให้งานศิลปะมีความสมบูรณ์มากขึ้น ถ้าเยาวชนได้เห็น ได้ดูงานเหล่านี้จะมีประโยชน์มาก”
ด้วยเหตุนี้ นอกจากมีภาพวาดคุณแม่สว่างจันทร์-คุณพ่อชุบ โปษยกฤต บิดามารดาผู้ให้กำเนิด ตั้งบนโต๊ะหมู่บูชาหน้าห้องจัดแสดง ยังมีภาพถ่ายครูบาอาจารย์ด้านศิลปะมากมายหลายแขนงวิชา อาทิ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย, ครูบุญยงค์ เกตุคง ครูระนาด “เทวดา”, อาจารย์เยื้อน ภาณุทัต ปรมาจารย์งานประณีตศิลป์ และครูอร่าม อินทรนัฏ โขน “ทศกัณฐ์” ในตำนาน เป็นต้น
ด้วยผลงานที่เชื่อว่ามีมากมายหลักหมื่นชิ้น แนวคิดการสร้างสถานที่รวบรวมผลงานเพื่อเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้และแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังจึงถือกำเนิดขึ้น
พันธุ์ศักดิ์ จักกะพาก ศิลปินสีน้ำชื่อดัง เล่าถึงความคืบหน้าของการเนรมิต “พิพิธภัณฑ์จักรพันธุ์ โปษยกฤต” บนถนนสุขาภิบาล 5 ย่านสายไหม กรุงเทพฯ ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 โดยคาดหวังให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านศิลปะ โดยนอกจากจะรวบรวมงานศิลป์ชิ้นสำคัญแล้ว ยังมีโรงมหรสพสำหรับแสดงหุ่นกระบอกด้วยระบบเวที แสง สี เสียง อย่างเต็มรูปแบบ สมบูรณ์ที่สุดแห่งแรกในแผ่นดินไทย
อีกหนึ่งกรุสมบัติที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ คือผลงานหนังสือ “จักรพันธุ์ โปษยกฤต 6 รอบ” ชุด 2 เล่มอันเป็นไอเท็มสุดเลอค่าที่เป็นขุมทรัพย์ทางความรู้ที่นักเรียนศิลปะและผู้สนใจควรมีไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเพื่อศึกษาอย่างลุ่มลึก
“จุดประสงค์เดียวคือเพื่อเป็นสมบัติของแผ่นดิน” พันธุ์ศักดิ์ย้ำถึงจุดประสงค์ของการรวบรวมและจัดพิมพ์หนังสือชุดดังกล่าว ซึ่งถูกรวบรวมและคัดสรรอย่างประณีตก่อนตีพิมพ์เผยแพร่
ไม่ต้องมีคำบรรยายมากมาย ดังเช่นถ้อยความเขียนด้วยลายมือของเจ้าตัวที่ถูกขยายใหญ่ไว้หน้าทางเข้านิทรรศการว่า
“ชื่อว่าช่างเขียน จะมีบทความใดบอกเล่าชีวิตได้ดีกว่าผลงานภาพเขียน”
นี่คือช่วงชีวิตของช่างเขียนแห่งประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์นาม “จักรพันธุ์ โปษยกฤต”
นิทรรศการหมุนเวียนผลงานจักรพันธุ์ โปษยกฤต
จัดแสดงที่มูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต สุขุมวิท 63 (เอกมัย) กรุงเทพฯ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13.00-16.30 น. ไม่มีวันหยุด
ค่าธรรมเนียมเข้าชม ประชาชนทั่วไป 100 บาท
นักเรียน นิสิต นักศึกษาในเครื่องแบบ หรือแสดงบัตรประจำตัว 50 บาท
สถาบันการศึกษาขอเช้าชมเป็นหมู่คณะ ทำหนังสือล่วงหน้า 7 วันถึงมูลนิธิจักรพันธุ์ โปษยกฤต ไม่เสียค่าธรรมเนียม โดยจะเปิดให้ชมในช่วงเช้า 11.00-12.00 น.
สอบถามเพิ่มเติมโทร 0-2392-7754 หรือ 08-7332-5467
www.chakrabhand.org