เดินไปในเงาฝัน : ตัวเสียดาย-ตัวยอมแพ้ : โดย สาโรจน์ มณีรัตน์

จริงๆ ผมไม่ค่อยมีโอกาสฟัง “ตูน บอดี้สแลม” หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย พูดเท่าไหร่นัก นอกจากฟังผ่านๆ ในช่วงที่เขาวิ่งจากเบตงถึงแม่สาย

แต่ก็เป็นการฟังช่วงสั้นๆ

จนเมื่อเขาทำภารกิจสำเร็จ กระทั่งมีรายการจากโทรทัศน์จากช่องต่างๆ มาสัมภาษณ์เขา ซึ่งผมฟังแล้วก็รู้สึกถึงน้ำใจของลูกผู้ชายคนนี้

ที่ชั่วชีวิตหนึ่งมีโอกาสสร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่ให้กับโรงพยาบาลศูนย์ต่างๆ ทั้ง 11 แห่ง ในหลายจังหวัด ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจจนเกิดเป็นแรงกระเพื่อมไปถึงใครต่อใครอีกหลายๆ คน

Advertisement

เพื่อให้หันมาออกกำลังกาย

แต่เมื่อหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ จัดงานสัมมนา “พลิกเกมธุรกิจ พลิกอนาคต” หรือ “The Reinvention” เมื่อไม่กี่วันผ่านมา ทั้งยังมีโอกาสเชิญ “ตูน” มาขึ้นเวที พร้อมกับ “เก้ง” จิระ มะลิกุล โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่อง “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ภาพยนตร์เรื่องล่าสุด

ผมกลับรู้สึกว่าสิ่งที่ “ตูน” เล่าบนเวทีครั้งนี้ สามารถนำไปสอนตัวเอง สอนลูก และหลาน รวมถึงใครต่อใครได้ โดยเฉพาะถ้าคนคนนั้นรู้สึกยอมแพ้กับชีวิต

Advertisement

“ตูน” เล่าบอกว่า เมื่อตอนที่เขาไปวิ่งมาราธอน 100 กิโลเมตร ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการวิ่งแบบไม่มีการหยุดพัก เขาบอกว่าตอนแรกๆ ก็วิ่งแบบสบายๆ

ไปเรื่อยๆ

จนเมื่อถึงกิโลเมตรที่ 80 ฝนเริ่มตก ลมกระโชกแรง และอากาศก็ค่อยๆ ลดองศาลงจนเหลือเพียงเลขตัวเดียว จนทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้าน

เนื่องจากเขาไม่ได้เตรียมเสื้อกันฝน และเสื้อกันหนาวติดตัวไปด้วย

“ตูน” บอกว่า ปกติผมเป็นคนขี้หนาวอยู่แล้ว แต่เมื่อมาเจออากาศที่หนาวกว่า แถมยังมีฝนตกด้วย จึงทำให้รู้สึกไปต่อไม่ไหวแล้ว

“ตูน” ใช้คำว่า…เกือบตาย

เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

แต่เมื่อคิดว่าประสบการณ์ผ่านมา ระหว่างที่เคยซ้อมวิ่งที่เมืองไทย เขาเคยผจญกับตัวขี้เกียจ และตัวข้ออ้างมาบ้างแล้ว

แต่เขาก็ยังผ่านมาได้

แต่เมื่อมาเจอตัว “ยอมแพ้” ที่ประเทศญี่ปุ่น เขากลับบอกว่า…นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ ที่เกิดขึ้นภายในตัวตนของเขาเอง

เขาคิดขณะนั้นว่าจะทำอย่างไรดี…จะไปต่อหรือหยุด

ความขัดแย้งภายในใจสองตัวเริ่มเถียงกันเอง ระหว่างตัว “ยอมแพ้” กับ “ตัวเสียดาย”

“ตูน” บอกว่า ทั้งสองตัวนี้ถกเถียงกันอยู่นาน ฝ่ายหนึ่งบอกว่ายอมแพ้เถอะ แต่อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าเสียดายนะ แค่อีกเพียง 20 กิโลเมตรเองก็จะถึงเส้นชัยแล้ว

เขาจึงลดระดับของการถกเถียงภายในใจด้วยการเดิน

เดินไปเรื่อยๆ

พร้อมกับคิดเพื่อหาทางออก

จนที่สุดทุกอย่างจึงคลี่คลายลง กระทั่งเขาวิ่งเข้าเส้นชัยในที่สุด

“ตูน” บอกว่า…ในชีวิตผม ไม่เคยเจอตัวยอมแพ้มาก่อน เพราะการที่เราจะตั้งใจทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เราต้องมุ่งมั่น ฟันฝ่าไปให้ได้

ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ตาม

แต่สำหรับการวิ่งมาราธอน 100 กิโลเมตร ที่ประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ ทำให้ผมรู้จัก “ตัวยอมแพ้” เพิ่ม และทำให้ผมรู้จักตัว “เสียดาย” ตามมา

ทั้งสองตัวนี้ถกเถียงกันอยู่นาน

แต่ที่สุดเขาก็ชนะ

ซึ่งผมฟังแล้วก็ให้เกิดแง่คิด และมุมคิดทันที โดยเฉพาะกับคนที่ชอบอ้างว่าขี้เกียจ อ้างว่าเดี๋ยวก่อน หรือค่อยทำวันหลังก็ได้

จนไม่มีโอกาสทำเสียที

เมื่อไม่มีโอกาสทำ ก็ไม่มีโอกาสรู้จักกับคำว่า “ล้มเหลว” และ “ประสบความเร็จ”

แต่สิ่งที่ “ตูน” ทำ เป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งในเรื่องของการกำจัดคำว่าขี้เกียจ เดี๋ยวก่อน หรือค่อยทำวันหลังก็ได้ จนทำให้เขากลายเป็น “ตูน” ในทุกวันนี้

ในทุกวันที่เขาได้สอนผมอย่างบังเอิญจากห้องสัมมนาวันนั้น

“ยอมแพ้” และ “เสียดาย”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image