เมื่อไม่กี่วันผ่านมา เราๆ ท่านๆ คงเห็นการทำธุรกรรมทางการเงินในโลกออนไลน์ของหลายแบงก์ล่มกันเป็นทิวแถว สาเหตุหลักๆ คงมาจาก “ความไม่พร้อม”ของการให้บริการในความเป็นจริง
เพราะเมื่อมีคนใช้มาก จึงเกิดปัญหาติดขัดทางการจราจรทางการเงิน จนทำให้กลุ่มลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงการใช้บริการ จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ในที่สุด
ผมทราบว่าล่าสุดหลายแบงก์พยายามพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับการปล่อยกู้โมเดลใหม่ๆ ด้วยการยึด “อาลีเพย์” เป็นต้นแบบ
“อาลีเพย์” คือใคร ?
เชื่อว่าคำตอบนี้หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่า “อาลีเพย์” คือแอพพลิเคชั่นแพลตฟอร์มหนึ่งในการทำธุรกรรมทางการเงินบนโลกออนไลน์ของ “อาลีบาบา กรุ๊ป”
โดยมี แจ๊ก หม่า นั่งเป็นหัวเรือใหญ่ของที่นี่
วันนี้ผมจึงอยากเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับ “อาลีเพย์” ให้ฟัง เพราะไม่กี่วันผ่านมาผมมีโอกาสไปสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา กรุ๊ป ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีนมา
กล่าวกันว่า เมืองหางโจวเป็นตัวอย่างหนึ่งของสังคมไร้เงินสด เพราะใครๆ ไม่ต้องพกเงินสดติดกระเป๋า ก็สามารถจับจ่ายซื้อของผ่านแอพพลิเคชั่นอาลีเพย์อย่างสะดวกสบาย
ถามว่าเขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร ?
คำตอบคือเขาวางแผน ออกแบบการจราจรทางการเงินให้มีเสถียรภาพเสียก่อน และไม่ใช่เฉพาะแต่วันนี้ พรุ่งนี้ ปีนี้ หรือแค่ปีหน้าเท่านั้น แต่เขาออกแบบวางแผนกันในระยะยาว เพื่อรองรับกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ภาษาชาวบ้านคือเขา “คิด” ก่อนลงมือ “ทำ”
เมื่อ “คิด” ก่อนที่จะลงมือ “ทำ” เขาจึงไปเชิญชวนธนาคารต่างๆ ของประเทศจีน ซึ่งมีมากกว่า 100 ธนาคารแล้วที่เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ ทั้งนั้นเพราะเขาเห็นแล้วว่า “อาลีเพย์” คือช่องทางการชำระเงินที่ง่ายที่สุด
สะดวกที่สุด
มิหนำซ้ำ ยังไม่พบเจออุปสรรคใดๆ ในการทำธุรกรรมด้วย ที่สุด “อาลีเพย์” จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ตอนแรกๆ อาจเริ่มต้นจากเมืองหางโจว แต่ตอนหลังจึงค่อยๆ ขยับไปยังเมืองต่างๆ ของแต่ละมณฑลมากขึ้น
จนที่สุดประชากรที่มีมากกว่า 1 พันล้านคน ของประเทศจีนล้วนต่างใช้แอพพลิเคชั่นของอาลีเพย์ในการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์สูงสุด
ขณะนี้โลกของอาลีเพย์เริ่มขยับไปครอบคลุมสินค้าหมวดเดิมๆ โดยเฉพาะอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค อันเป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์
ไม่เท่านั้นโลกของอาลีเพย์ยังขยับเข้าไปหานักธุรกิจรุ่นใหม่ของประเทศจีน และอีกหลายประเทศทั่วโลกด้วย ทั้งนั้นเพราะเขาต้องการประสบความสำเร็จเหมือนกับ แจ๊ก หม่า
อันเป็นบุคคลต้นแบบของธุรกิจยุคใหม่
ถามว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากอะไร ?
คำตอบคือ “คิด” ก่อนลงมือ “ทำ” ทั้งสิ้น
ฉะนั้น เมื่อกระบวนการ “คิด” ก่อนลงมือ “ทำ” ประสบความสำเร็จ ความเชื่อเช่นนี้จึงถูกแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว คล้ายๆ กับความเชื่อเหล่านั้นคือยารักษาโรคชั้นดีที่ทำให้คนป่วยกินแล้วหายได้
กินแล้วมีความสุข
การช้อปปิ้งในโลกออนไลน์คือความสุขอย่างหนึ่งของมนุษย์ จนทำให้เว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นขายของแบรนด์ดังๆ ต่างๆ บนโลกออนไลน์ล้วนมองเห็นความสุขจากการช้อปปิ้งผ่าน “อาลีเพย์” เช่นกัน
พวกเขาจึงกรีฑาทัพเข้ามาเป็นพันธมิตรกับอาลีบาบา กรุ๊ป
กระทั่งสยายปีกการขายของบนโลกออนไลน์ออกไปทั่วโลก โดยมี “อาลีเพย์” เป็นเครื่องมือในการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างหนึ่ง เพราะแค่เพียงใช้ผ่านสมาร์ทโฟนอย่างง่ายๆ คุณก็จะมีสินค้าออนไลน์อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
โดยไม่ต้องเสียเวลาอาบน้ำ แต่งตัว และขับรถออกไปห้างสรรพสินค้าให้เสียเวลาอีกต่อไปแล้ว
ผลเช่นนี้ จึงทำให้กรอบความเชื่อของ แจ๊ก หม่า ขยายผลออกไปว่าเมื่อโลกกำลังเดินเข้าสู่หมวดของ “ความสุข” จากการจับจ่ายซื้อของ เขาจึงคิดต่อว่าถ้าเช่นนั้นควรจะมีสินค้าแบรนด์ดังๆ มารวมอยู่ในที่ที่เดียวกันไหม เพื่อสะดวกกับผู้บริโภคมากขึ้น
ที่สุดจึงเกิดเป็นทีมอลล์ดอทคอม
และทีมอลล์ดอทคอมนี่เอง ก็ถูกขยายผลต่อด้วยการพัฒนาเป็นแหล่งซื้อของออนไลน์ และออฟไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อผัก ผลไม้ อาหารสด อาหารแช่แข็ง อาหารจานด่วน และอื่นๆ
จนกลายเป็นทีมอลล์เฟรช และเหอม่า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีสถานที่ตั้งอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา กรุ๊ป
ตอนหน้าผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอีกครั้ง
รับรองคุณจะมหัศจรรย์กับกระบวนการ “คิด” ก่อนลงมือ “ทำ” ของ “แจ๊ก หม่า”
ซึ่งไม่ธรรมดาจริงๆ ?
