กล่าวถึงท้าวราพณาสวร ตั้งแต่นางจันทากลับไปเมืองจันทบุรีแล้วก็ไม่มีความสุข เฝ้าแต่คิดถึงอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่งจึงสั่งให้ขุนจงและขุนฟ้าแดดไปขอรับนางจันทา และเพื่อให้รวดเร็วทันใจได้เนรมิตจักรขึ้นกงหนึ่งแล้วบอกเสนาทั้งสองว่า
“เจ้าอยากจะไปทางน้ำ ทางบกหรือทางอากาศก็จงบอกแก่กงจักรนั้นตามความประสงค์ จักรก็จะพาเจ้าไปตามต้องการ”
เสนาทั้งสองอยากไปทางอากาศบ้าง จึงขึ้นจักรสั่งให้ไปทางอากาศ ชั่วเวลาไม่นานนักก็ถึงเมืองจันทบุรี ได้นำเทียนเงินเทียนทองเข้าเฝ้าพญาลามราช ทูลเรื่องท้าวราพณาสวรให้มาเชิญนางจันทากลับ พญาลามราชจึงตรัสว่าถ้าท้าวราพณาสวรสามารถสร้างสะพานตั้งแต่เมืองเวียงจันทน์ล้านช้างทอดไปถึงเมืองอินทปัตถ์ของท้าวราพณาสวรได้ก็จะยอมยกให้ ขุนจงจึงให้ขุนฟ้าแดดกลับไปทูลให้ท้าวราพณาสวรทราบตามนั้น เรื่องการเนรมิตอะไรเป็นเรื่องง่ายๆ ของท้าวราพณาสวรอยู่แล้ว จึงเนรมิตสะพานตั้งแต่เมืองอินทปัตถ์ทอดตรงมาจนถึงเมืองเวียงจันทน์ล้านช้าง พญาลามราชก็จัดการอภิเษกให้ และให้ท้าวราพณาสวรถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา เพื่อแสดงว่าจะไม่คิดคดทำร้ายพญาลามราชอีกต่อไป เมื่อเสร็จพิธีแล้วท้าวราพณาสวรค้างอยู่ที่เมืองจันทบุรีคืนหนึ่ง พอรุ่งเช้าพญาลามราชก็ให้ไพร่พลยกขบวนไปส่งจนถึงเมืองอินทปัตถ์
เมื่อไปถึงเมืองอินทปัตถ์แล้ว ท้าวราพณาสวรก็ให้ขุนจงพาไพร่พลที่มาส่งกลับไปเมืองจันทบุรี แต่ในระหว่างทางไพร่พลเหล่านั้นได้แยกย้ายหลบหนีเข้าป่าดงไปเสียมาก ทำให้ขุนจงเกรงว่าพญาลามราชจะทำโทษ แต่ถ้าพญาลามราชไม่พิโรธโกรธกริ้ว ท้าวราพณาสวรก็คงไม่ว่าอะไร ครั้นไปถึงเมืองจันทบุรีขุนจงได้ทูลให้พญาลามราชทราบตามความเป็นจริง พญาลามราชก็มิได้ตำหนิติเตียนแต่อย่างไร กลับชักชวนให้ขุนจงพักอยู่อีกสองสามวัน
เมื่อขุนจงกลับไปเมืองอินทปัตถ์ทูลเรื่องที่พักอยู่เมืองจันทบุรีท้าวราพณาสวรกลับเห็นเป็นเรื่องร้ายแรงได้บอกกับขุนจงว่า
“รู้ไหม ที่พญาลามราชเขาให้พักอยู่สองสามวันน่ะ เท่ากลับเป็นการลงโทษละ ขุนจงโง่เง่ารู้ไม่เท่าทัน”
ขุนจงก็ค้านว่าไม่จริง พญาลามราชไม่ได้กักขังทำร้ายแต่อย่างไร กลับปล่อยให้เที่ยวเล่นตามสบายใจ ท้าวราพณาสวรกำลังหาเหตุอยู่ก็สำแดงอาการโกรธกริ้ว หาว่าขุนจงไปฝักใฝ่เข้าข้างพญาลามราช คว้าดาบกายสิทธิ์ได้ก็ไล่ฟัน ขุนจงตกใจก็หนีออกจากวัง ไปหาพญาตับปรเมศร์ผู้เป็นปู่ของท้าวราพณาสวร
ท้าวราพณาสวรกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ตามวิสัยคนพาล อะไรจะเกิดขึ้น ต้องคอยดูกันต่อไป