ติ่มซำ Garden Court

เวลามีคนชวนไปกิน “ขนมจีบ-ซาลาเปา” หรือที่เรียกกันว่า “ติ่มซำ-Dim Sum” ต้องมีคนไปเยอะๆ นั่งโต๊ะ “จีน” กลมใหญ่ จะเป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงก็ตาม เพราะจะกินติ่มซำทั้งที ถึงมีแค่คนสองคนกินได้จริง แต่จะสั่งมาลองหลายๆ เข่งหลายๆ จานทำไม่ได้ จะกินคนละคำสองคำ มันไม่ครบรสชาติ

วงใหญ่ มาเต็มโต๊ะ รถเข็นไปมา เรียกสั่งได้เรื่อยๆ (ด้วยรู้ว่ามีคนช่วยกิน) สะใจกว่า!!

ซึ่งเข้ากับความหมาย เพราะ “ติ่มซำ” ภาษาจีนกวางตุ้ง แปลว่า “ตามใจ” หรือ “ตามสั่ง” และคล้ายๆ กันทั่วโลกในวิธีทำ รสชาติ และการบริการ

ตอนเด็กๆ กินร้าน “ดาว” สมัยนั้นดังแถวสุขุมวิท คนแน่นตลอด เดี๋ยวนี้เข้าใจว่าเลิกกิจการไปแล้ว ช่วงเรียนนิวยอร์กก็ไปลุย “Chinatown” โดยเฉพาะเวลามี “ผู้ใหญ่” ผ่านมาและพาไปเลี้ยง ฮาๆๆ เบี้ยเลี้ยงนักเรียนไม่ค่อยพอกิน

Advertisement

ปัจจุบันโรงแรมใหญ่ๆ จะมีร้านอาหารจีน และมื้อเที่ยงย่อมเป็นที่นิยมที่จะมีเมนู “ติ่มซำ” หลายชาติทานเป็น “ของว่าง” “ของกินเล่น” แต่คนไทยกินกันจริงจัง เป็น “มื้อใหญ่” ในตัว
ในบรรดาโรงแรมที่ได้มีโอกาสไปลิ้มลอง ผมว่าคล้ายๆ กัน ยิ่งโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ว่าอร่อย เมื่อได้ “ระดับ” ก็ไม่ผิดกันเท่าไหร่ ลงมาอีกระดับที่ไปบ่อยอยู่คือโรงแรม Evergreen สาทร ราคาดี แป้งเบาบาง รสชาติได้ที่ แต่ไม่ได้ไปนานแล้ว ไม่รู้เดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร

เมนูประจำของผม คงคล้ายคนส่วนใหญ่ “ขนมจีบ” “ฮะเก๋า” “ป่อเปี้ยะทอด” “ขนมผักกาด” “ก๋วยเตี๋ยวหลอด” และ “ซาลาเปาไส้หมูแดง” ไส้อื่นๆ อย่างไส้ครีมผมกลับไม่ชอบ ดันไปติดใจว่าเป็น “ของคาว” หรือ “ของหวาน”

และเมื่อ “ของกินเล่น” หมด ต้องปิดท้ายด้วย “เส้นใหญ่ราดหน้าหมู” หรือ “ราดหน้าทะเล” หากเป็นหมู่คณะ มีตังค์หน่อย “เป็ดปักกิ่ง” หนังเป็ดกรอบๆ มาห่อพร้อมน้ำราดหวานๆ หลายแห่งในต่างประเทศ จะแล่หนังเป็ดติดเนื้อด้วย ซึ่งผมชอบมากกว่าแค่หนังบางๆ แต่ที่ชอบคือเมื่อเอาเป็ดไปทำเมี่ยง ผมจะไม่ห่อผักกิน แต่ใช้คลุกข้าว ยิ่งถ้าได้ “ข้าวผัด” แห้งๆ ยิ่งอร่อย

Advertisement

ตบท้าย (จริงๆ แล้ว) “บัวลอยน้ำขิง” “แป๊ะก๊วยร้อน” หรือมาด้านเย็น “เต้าฮวยฟรุตสลัด” “สาคูแคนตาลูป” ล้างคอกับชาร้อนหรือเก๊กฮวย ถือว่าจบโปรแกรม

นั่นคือความคาดหวังทั้งหมด เมื่อ “พี่เอิร์ท สายสว่าง” โทรมาชวนไปกินติ่มซำที่ห้องอาหารจีน “Garden Court” โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ที่พี่เขาเป็น “ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์” อยู่

“พี่เอิร์ท” ส่งเสียงแจ๋วๆ มาตามสายเอง ใครจะปฏิเสธได้ลงคอ!!

และอุตส่าห์ชวนเพื่อนมาอีกคน จะได้ทั้ง “ชิม” ทั้ง “ชิล” และทั้ง “เมาธ์” แต่พอเริ่มยกอาหารมา ตกใจหมดเลย มาเป็นเข่งๆ จานๆ ไม่หยุด โดย “เชฟอ้วน” ผู้สร้างสรรค์อาหาร ช่วยยกออกมาเอง ผมต้องร้องบอกพอ แต่พี่เอิร์ทยืนยัน พร้อมแจ้งราคาว่า “บุฟเฟต์” ทำนองกินให้หมด ท้องแตกตาย ก็หัวละ 899 บาท

และมื้อเที่ยงนี้ทำให้ “ความตั้งใจ” จะ “ลดความอ้วน” ของผม “ล่มสลาย” ลงอีกครั้งหนึ่งทันที อิอิ (ข้ออ้างอีกแล้วครับ พี่น้อง)

ติ่มซำ02

นอกจากที่กินประจำตามที่แจ้งไปแล้ว มีเมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจอย่าง “กุ้งนึ่งมะนาว” “ปลานึ่งซีอิ๊ว” “สาหร่ายไข่กุ้ง” “ฟองเต้าหู้ไส้กุ้ง” “หอยเชลล์” “กระดูกหมู” ฯลฯ เข้าใจคำว่า “ไม่หวั่นไม่ไหว” ตรง “ไม่ไหว” นั่นเอง

กินกันไม่เกรงใจ ราคานี้ปกติต้องกินที่ร้าน ห้ามห่อกลับบ้าน แต่ในฐานะ “น้อง” พี่เอิร์ทบอก “จะยอมให้” ผมรีบปฏิเสธ เพราะ “ติ่มซำ”

ต้องกินร้อนๆ ถ้าเย็นลงแล้ว จะ “จืดชืด” เป็นอาหารประเภทหนึ่ง ที่ซื้อกลับมากินที่บ้าน ไม่อร่อยเท่ากินที่ร้าน ไม่ว่าจะอุ่นใหม่อย่างไร และที่บ้านไม่มี “เข่ง” ใส่ให้ได้บรรยากาศด้วย

ลองไปนะครับ งานนี้ อิ่มแท้ แน่นอน!!

ติ่มซำ03

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image