ย้อนอ่าน! บทสัมภาษณ์ ‘พระพรหมสุธี’ (เจ้าคุณเสนาะ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เมื่อปี 57

ช่วงเช้าวันที่ 25 มกราคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 08.00 น.ว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในกุฏิ คณะ 1 วัดสระเกศ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 นาย จึงได้รุดเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบว่าพระพรหมสุธี (เจ้าคุณเสนาะ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ มรณภาพอยู่ภายในกุฏิ
โดยก่อนหน้านี้ พระพรหมสุธีได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เนื่องจากถูกตรวจสอบพบว่ามีการใช้งบประมาณในงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ไม่โปร่งใส

ทั้งนี้ “มติชน” เคยสัมภาษณ์พระพรหมสุธีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2557 จึงขอยกบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมาให้ได้อ่านกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นถ้อยคำก่อนที่พระพรหมสุธีจะโดนปลดจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม เนื้อหาดังต่อไปนี้

 

pra01130957p2
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานมอบพระบัญชาแต่งตั้งพระพรหมสุธี ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

เห็นชื่อเพจเฟซบุ๊ก “ตีแผ่ความจริง คนไร้คุณธรรม ไร้ความเป็นผู้นำ” ที่ถูกนำเสนอนานนับเดือนนับตั้งแต่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา ใครจะคิดว่ามีที่มาจากความขัดแย้งในวัด!!!

โดยแต่ละโพสต์ในเฟซบุ๊กดังกล่าวมักกล่าวถึง “เฮียเหนาะ” กับทรัพย์สินมหาศาล

Advertisement

แน่นอนว่าไม่ใช่วัดเล็กๆ แต่เป็น วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ซึ่งเจ้าอาวาส พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะภาค 12 และ กรรมการ มส. ถูกโจมตีว่าร่ำรวยผิดปกติ ในเฟซบุ๊ก ระบุว่าเจ้าอาวาสมีทรัพย์สินมูลค่านับพันล้าน อาทิ รถหรูไม่ต่ำกว่า 20 คัน, ธุรกิจสวนกล้วยไม้ 300 ไร่ มูลค่ากว่า 100 ล้าน รีสอร์ตหรูหลายหลัง, ธุรกิจเพาะพันธุ์ไก่ชน, เพาะพันธุ์ปลากัด, ธุรกิจบ้านจัดสรร มูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท รวมทั้งมีผู้หญิงเข้าออกวัดยามวิกาล

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่พระพรหมสุธี ปลด พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสออกจากหน้าที่ดูแลบริหารจัดการเงินบริจาคในส่วนพื้นที่ภูเขาทอง และข้อกล่าวหาว่าทุจริตเงินค่าใช้จ่ายในพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 67,550,000 บาท

ข้อกล่าวหาข้างต้น สร้างแรงสั่นสะเทือนแก่วงการสงฆ์ไม่น้อย

 

หลังจากทราบว่ามีหน้าเพจเฟซบุ๊ก “ตีแผ่ความจริง คนไร้คุณธรรม ไร้ความเป็นผู้นำ” ?

อาตมาได้เข้าพบสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อพูดคุยถึงข่าวที่เกิดขึ้น ท่านบอกให้ใช้ขันติ สงบ เท่านั้น

เรื่องเงินไม่มีปัญหา สามารถยืนยันได้ว่าทุกบาททุกสตางค์มีที่มา อย่างรถยนต์มีญาติโยมนำมาถวาย เรื่องผู้หญิงไม่มีการกระทำอย่างที่ถูกกล่าวหา สวนกล้วยไม้เป็นของพี่น้องญาติ ไก่ชนมีไม่กี่ตัวซึ่งญาติโยมนำมาถวาย รีสอร์ตก็ไม่รู้ว่าถ่ายภาพจากไหน

ไม่มีหรอกเงินหลักพันล้าน เพราะไม่มีอาชีพอะไร ปัจจัยที่มีมาจากกิจนิมนต์ นั่นคือเงินส่วนตัวที่ได้มา แม้แต่เงินวัดก็ตรวจสอบได้ ที่เคยพูดว่า “ถ้าอาตมามี 1,000 ล้านบาท อาตมาก็ไม่อยู่ สึกไปแล้ว” เพื่อสื่อว่าถ้ามีจริงๆ จะอยู่วัดทำไม ไม่มีเจตนาใดๆ ทั้งสิ้น

บริหารวัดอย่างไร หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเมื่อ 22 ธันวาคม 2556 ?

ดูว่าสิ่งใดควรปรับปรุง เช่น ภูเขาทองจะเปลี่ยนแปลงในภาพรวม เปลี่ยนคนดูแลและการบริหารจัดการต่างๆ

ส่วนเรื่องรายได้ของวัดส่วนใหญ่มาจากเงินบริจาคตามจุดต่างๆในวัดที่เปิดให้ทำบุญ เช่น พระวิหาร พระวิหารหลวงพ่อโต พระวิหารหลวงพ่อดำ เงินส่วนนี้นำมาบำรุงวัด เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างคนงาน ซึ่งรายได้ไม่แน่นอนขึ้นอยู่ว่าตรงกับช่วงใด เช่น เดือนนี้ได้ 150,000 บาท เดือนหน้าอาจได้ 170,000 บาท และบางเดือนอาจน้อยกว่านี้

จุดที่มีผู้บริจาคมากที่สุดคือ พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) คนไทยมาไหว้ภูเขาทองและทำบุญบำรุงวัด มาไหว้พระธาตุ ฝรั่งก็มาเที่ยว หลวงพ่อสมเด็จ (สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)) ท่านอยากให้เงินบริจาคบริสุทธิ์จริงๆ ไม่นิยมให้มีการขายวัตถุมงคลหรืออะไรต่างๆ

ก่อนหน้านี้ที่วัดสระเกศฯมีเปิดให้เช่าวัตถุมงคลบนพระบรมบรรพต ปัจจุบันไม่มีให้เช่าแล้ว หยุดจำหน่ายเพราะเป็นประสงค์ของหลวงพ่อสมเด็จ

เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรฯในช่วงที่มีข่าวทุจริตเงินวัด?

อย่างช่วงที่ไปอยู่วัดโสธรฯ 4-5 ปี ตอนนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าอาวาส คณะสงฆ์จึงให้ไปรักษาการที่นั่นและดูแลวัดในเรื่องทั่วไปมาเรื่อยๆ เพราะเขาทำดีอยู่แล้ว เราไปสานต่อเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรใหม่

ที่วัดโสธรฯ วัตถุมงคลเป็นของวัดทั้งหมด การจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้ของวัดซึ่งทุกอย่างมีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะชาวพุทธทั่วไปต้องการเช่าพระ ถ้าวัดทั่วไปต้องการไว้บูชาก็ไม่ใช่เรื่องเสื่อมเสีย คนที่เช่าพระส่วนใหญ่คือคนที่มีเหลือ แล้วเช่าพระเพื่อความเคารพศรัทธา

ในมุมมองของบางคนคิดว่าทำไมพระต้องให้เช่าพระ อาตมาคิดว่าน่าจะดีหากทุกบ้านในประเทศไทยมีพระพุทธรูปไปตั้งอยู่ แต่ถ้าให้วัดทำแจกก็ไม่รู้เอาเงินจากไหน

สำหรับการย้าย พระ 7 รูปเป็นการบริหารจัดการ ดูแลสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น ให้ผู้ช่วยเจ้าอาวาสหลายรูปได้มีงานทำ

ระหว่างจำพรรษาที่วัดสระเกศฯ นอกจากทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรฯแล้วมีหน้าที่ใดอีก

เป็นเจ้าคณะภาค 12 ดูแลในระดับ 4 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว เหมือนการปกครองทั่วไป พระก็มีระดับต้น คือ เจ้าอาวาส สูงขึ้นมาก็เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะภาค สูงขึ้นไปเป็นเจ้าคณะใหญ่ คือ นิสาการปกครอง

เจ้าคณะภาค ดูเรื่องนโยบายของคณะสงฆ์ว่าจังหวัดใดดำเนินการอย่างไร สิ่งไหนที่พลาดก็ต้องทำตามรายละเอียด อันไหนที่ไม่ใช่หน้าที่ภาค จังหวัดก็ดำเนินการ

พบปัญหาเกี่ยวกับการปกครอง ?

ด้านการปกครองไม่มีอะไร แต่ปัญหาอยู่ที่วัดแต่ละแห่งยังไม่สมบูรณ์ เช่น วัดตามชายแดนยังขาดแคลนบางแห่งไม่มีโบสถ์ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติเพราะคนพื้นที่นั้นไม่มีกำลังมากพอ ต้องใช้เงินคลังกรุงเทพฯแบบผ้าป่า เพราะวัดแต่ละวัดไม่ได้เงินจากรัฐบาล แต่มาจากศรัทธาของญาติโยม วัดใดคนเคารพเจ้าอาวาส วัดนั้นจะแข็งแรง ญาติโยมบริจาค

อีกปัญหาที่พบคือ ทำอย่างไรให้จำนวนพระเพิ่มขึ้นเพราะปัจจุบันลดลงมาก สงสัยว่าเหตุใดไม่อยากบวช สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือสังคมเปลี่ยนไป จากสังคมเกษตรที่ชาวบ้านใช้เวลาว่างจากไร่นามาบวชนานนับพรรษา 3-4 เดือน หรือคนที่อยากเรียนหนังสือก็ไปบวช แต่ปัจจุบันเป็นสังคมอุตสาหกรรมซึ่งการศึกษาเจริญรุ่งเรือง คนอยากเรียนก็เรียนได้เอง เลยเป็นสาเหตุให้จำนวนพระลดลง บวชแค่ 7-15 วันเท่านั้น

หาทางออกกับวิกฤตขาดแคลนพระอย่างไร ?

มีแต่พูดกันทั่วไป แต่ยังไม่มีคำตอบ เพราะการบวชขึ้นอยู่กับศรัทธา ถามว่าการบวชดีไหม มันก็ดี แต่เมื่อดีแล้วทำไมคุณไม่บวช

จำนวนพระลดลงทุกปี จึงถือเป็นวิกฤตอย่างหนึ่งเพราะหากไม่มีพระจะทำอย่างไร ตอนนี้ได้แต่ตั้งโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้คนมาบวชและบวชนานๆ สัก 1 พรรษาเพื่อศึกษาธรรมะ บางคนแค่บวชตามประเพณีไม่ได้มุ่งหวังเพื่อศึกษาทางธรรมมาก

จากข่าวที่เกิดขึ้น ต้องมีคนอารักขา ?

มีตำรวจมาอารักขาแค่ 1 นาย ไม่ได้มี 3 คนอย่างที่เป็นข่าว อาตมาเองทำหน้าที่ปกติ ไม่ได้ท้ออะไร

ปัญหาเกิดจากความไม่เข้าใจในระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาส ซึ่งอาตมาคุยได้อยู่แล้ว เหมือนพี่น้องกันเพราะอยู่มานาน

ที่วัดมีพระสงฆ์ 185 รูป ทั้งหมด 17 คณะ แต่ละคณะมากบ้างน้อยบ้างสลับกันไป ถือเป็น 1 ใน 5 ของวัดในกรุงเทพฯที่มีพระเกือบ 200 รูป ที่วัดมีการพูดคุยกันตามปกติตอนทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น และสวดปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือน มีขาดบ้างบางองค์แต่ส่วนใหญ่มาปกติ แต่ไม่ได้คุยอะไรมาก ต่างคนต่างทำกิจของแต่ละรูป

หลวงพ่อสมเด็จอยากให้ทำอะไรบ้าง ?

หลวงพ่อสมเด็จท่านไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษ เพราะทุกอย่างท่านทำดีอยู่แล้ว

ท่านเคยพูดว่า ถ้ามีโอกาสจะทำเรื่องกรรมฐานเสริมขึ้นมา แต่ไม่ได้บอกจริงจังเท่าไหร่

จากรายได้ของวัด นอกจากใช้ในการบริหารทั่วไปแล้วใช้ด้านใดอีก ?

มีการบริหาร การปกครอง การเผยแผ่ การศึกษาคุณูปการ เราก็ทำกันไป มีการเรียนการสอนนักธรรมบาลีที่เราเน้นมากหน่อย รับภิกษุ สามเณรเข้ามาเรียนมากๆ เป็นด้านการศึกษาที่เจ้าอาวาสต้องดำเนินการ เพราะเราต้องการให้วัดสระเกศมีการเรียนการสอนนักธรรมบาลีไม่ให้ขาดสาย ตอนนี้ถ้าเราไม่รับพระเณรมาก็ไม่รู้จะสอนใคร จึงมีโครงการขึ้นมาให้เด็กเล็กๆ ที่จบ ป.6 ซึ่งเขาหมดโอกาสจากการศึกษาภาคบังคับ ให้เข้ามาบวชเรียน

ซึ่งก่อนหน้านี้มีโครงการเช่นนี้แล้ว ตอนที่หลวงพ่อสมเด็จทำซึ่งรับเฉพาะสามเณรที่เป็นมหาหรือเณรระดับการศึกษาสูงจากวัดอื่นซึ่งพอรู้เรื่องแล้ว ปัจจุบันลักษณะอย่างนี้ไม่มีแล้ว คนที่จะมาอยู่กับเรามันหายากเพราะเขาไปเรียนตามสถาบันอื่นๆ เราก็ต้องคิดโครงการว่าจะทำอย่างไรให้สามเณรมาอยู่กับเรา ตอนนี้เริ่มมากว่า 20 รูป แม้ยังไม่มากแต่ถือว่าประสบความสำเร็จ

งานสำคัญที่สานต่อจากหลวงพ่อสมเด็จ ?

มีโครงการรับกุลบุตรมาบวชเณร เป็นเด็กที่เรียนจบ ป.6 เพื่อให้ได้เรียนหนังสือ ตอนนี้ที่วัดมีสามเณร 55 รูป มีเณรเล็กๆ 20 รูปที่จบ ป.6 แล้วมาบวช เรียนนักธรรมบาลีอย่างเดียว คิดว่าใน 3-5 ปีจะดูผลว่าเป็นไปได้ระดับใด ถ้าเขาเป็นไปตามที่เราตั้งใจไว้จะให้เรียนต่อไป โดยทางวัดจะรับภาระส่งเสียค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนแม้แต่การศึกษาทางโลกสมัยใหม่ แต่ขั้นแรกคือให้เขาได้เรียนกับเราก่อน เพื่อให้นักเรียนมีคุณธรรม มีธรรมะ

นอกจากนี้ ยังเสริมวิชาสมัยใหม่เข้าไป อย่างวันอาทิตย์จะให้ครูภาษาอังกฤษมาสอนในโรงเรียนเพื่อให้มีพื้นฐานในภาษาอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันอาตมารับอุปการะเณรจากต่างจังหวัด ส่งเสียให้เรียนด้วย

เด็กที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่มีที่เรียน นอกจากให้โอกาสทางการศึกษาแล้ว ก็ถวายภัตตาหารพระ เณร ที่มาเรียนนักธรรมบาลีด้วยทุกวัน ถ้าเด็กมาพึ่งวัดหรือศาสนา ศาสนาจะทำให้เด็กๆ ได้เรียนและซึมซับในเรื่องคุณธรรม จริยธรรมต่างๆ เพื่อให้เป็นคนดี

ฉะนั้น ประการสำคัญคือ หากเด็กมาอยู่กับวัดแล้วจะการันตีได้ว่า ยาเสพติดไม่มีแน่นอนเพราะเรารับผิดชอบดูแลทั้งหมด เราตั้งว่าต้องการเด็ก 100 คน ปีหน้าอาจรับเพิ่ม เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ ผู้ปกครอง

จะพัฒนาวัดอย่างไรให้ก้าวหน้าขึ้น ?

ตั้งใจจะทำเรื่องดีๆ อันไหนดีก็ส่งเสริม อย่างเรื่องเด็กคิดว่าเป็นเรื่องดีและเห็นเป็นรูปธรรม แต่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนมากเพราะเพิ่งเริ่ม

ส่วนเรื่องกรรมฐาน นอกจากให้คนที่มาได้เรียนพระธรรม อาตมาคิดไปไกลถึงว่าและตั้งใจว่าจะหาพระมาบรรยายธรรม และปฏิบัติธรรมเป็นภาษาอังกฤษ

เราต้องมีพระที่ทำงานเรื่องนี้ก่อน เพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา หากพระสามารถบรรยายเป็นภาษาอังกฤษและปฏิบัติธรรมได้ ชาวต่างชาติจะเห็นว่าสนใจ

ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มทำจึงไม่รู้ว่าทำได้แค่ไหน ขั้นแรกต้องหาพระหรือโยมที่มีความรู้เรื่องศาสนา ที่มีความรู้ทางภาษาอังกฤษและปฏิบัติธรรมมาทำตรงนี้ และเราจะสื่อสารไปทั่วโลก สมมุติถ้ามีคำถามเป็นภาษาอังกฤษขึ้นมาต้องตอบได้ เป็นจุดมุ่งหมายที่หากเราทำได้จะเป็นเรื่องดี เพราะตอนนี้ในวัดมีเสนาสนะต่างๆ ครบถ้วนแล้ว

กรณีหลวงปู่พิมพ์ หรือพระครูเวฬุวัน จันทรังษี เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน จ.ชัยภูมิ ประกาศละสังขาร โดยนอนในโลงที่เตรียมไว้

ปลงสังขารคือตาย แต่โดยทั่วไปไม่ใครบอกได้ ยกเว้นพระอรหันต์ อาตมาคิดว่าเจตนาท่านมีความคิดอยากให้เป็นข่าว แต่ก็ไม่ทราบความมุ่งหมายของท่าน

ข้อคิดเรื่องการรับฟังข่าวสาร ?

ขอให้ญาติโยมและสาธุชนที่รับข้อมูลข่าวสาร ตั้งสติก่อนตัดสินใจเชื่อเรื่องใด ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “อย่าเชื่อโดยคนบอก อย่าเชื่อโดยทราบข่าว”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image