เดินไปในเงาฝัน : ทำดีให้คนมองเห็น : โดย สาโรจน์ มณีรัตน์

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสไปเมืองเมาะลำไย รัฐมอญ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อร่วมโครงการ Sharing a Brighter Vision ครั้งที่ 4 ที่ทางเอสซีจีร่วมมือกับทางโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ในการผ่าตัดผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคต้อกระจก

ทั้งหมดราวๆ 245 คน ที่มาจากเมืองพะอัน 97 คน และเมืองเมาะลำไย 148 คน โดยใช้เวลาเตรียมงาน และปฏิบัติงานทั้งหมด 4 วัน

เป็น 4 วันที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทีมจักษุแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ที่ต่างยอมสละเวลาและแรงกายในการขนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์จากเมืองไทยเพื่อมาทำการผ่าตัดต้อกระจกให้กับชาวเมียนมา

ซึ่งรายละเอียดของเรื่องนี้คาดว่าเซ็กชั่นประชาชื่น มติชนรายวัน คงมีรายงานให้แฟนานุแฟนอ่านกัน

Advertisement

แต่สำหรับผมจะขอเล่าให้ฟังในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการทำดีให้คนมองเห็น ซึ่งเป็นโครงการมหากุศลของโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ที่กำลังต้องการเงินบริจาคจากประชาชนคนไทยทุกคน เพื่อนำไปสร้างโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว โดยมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 120 ล้านบาท

ทั้งนั้นเพราะตอนที่ผมไปเมียนมา บังเอิญมีโอกาสพูดคุยกับ นพ.พรเทพ พงศ์ทวิกร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ถึงโครงการทำดีให้คนมองเห็น

ผมฟังแล้วรู้สึกอยากช่วยให้โครงการนี้สัมฤทธิผลโดยเร็ว

Advertisement

เพราะหลังจากมีการแถลงข่าวถึงโครงการดังกล่าว ปรากฏว่ายอดบริจาคค่อนข้างนิ่งมาก ผมเข้าไปดูในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล ปรากฏว่ายอดบริจาคล่าสุด (19 ตุลาคม-2 ธันวาคม 2561) มีเพียง 11 ล้านกว่าๆ เท่านั้นเอง

ซึ่งยังห่างไกลจากความจริงมาก

ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่ “นพ.พรเทพ” บอกกับผมเบาๆ ว่า…ตอนนี้เราได้แต่โครงเท่านั้นเอง เราไม่ค่อยกล้าขอเงินใคร เกรงใจเขา แต่ตอนหลังผมเล่าโครงการนี้ให้คนอื่นฟังบ่อยครั้งขึ้น กล้าขอเงินเขามากขึ้น จนมีคนบอกผมว่าคุณหมอจะเป็นขอทานหรือเปล่า

อันเป็นคำพูดที่ “นพ.พรเทพ” เล่าให้ผมฟัง พร้อมๆ กับเล่าเรื่องนี้ให้กับ “ต่อ” ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาบริษัท ฟีโนมีนา จำกัด ฟังเช่นกัน

จนทำให้ “ต่อ” นำคำพูด และเรื่องราวต่างๆ ของทีมจักษุแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์โฆษณาในชื่อเดียวกับโครงการว่าทำดีให้คนมองเห็น

โดยมีความยาว 7.37 นาที เพียงแต่ในช่วง 5 นาทีแรกภาพยนตร์ชุดนี้กลับเป็นสีดำ โดยมีเสียงผู้บรรยายบอกให้ผู้ชมเห็นว่าถ้าคุณตาบอดอย่างที่เห็นสีดำนี้แล้วรู้สึกเช่นไร

ต่อจากนั้น เสียงของผู้บรรยาย จึงบรรยายต่อว่า เมื่อคุณผ่าต้อกระจกตาเสร็จแล้วคุณอยากเห็นใครเป็นคนแรกๆ จากนั้นภาพของ “นพ.พรเทพ” ก็ปรากฏออกมา

พร้อมกับภาพของทีมจักษุแพทย์อื่นๆ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ต่างทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เพื่อให้การต้อนรับผู้ป่วยโรคต้อกระจกที่มีอยู่อย่างหนาแน่น

“นพ.พรเทพ” บอกผมว่า…สมัยก่อนเรามีผู้ป่วยโรคต้อกระจกมาให้ผ่าตัดประมาณ 200-300 คนต่อวัน แต่ตอนนี้เริ่มมีมากขึ้นถึง 500-600 คนต่อวัน

“ทั้งนั้น เพราะโรงพยาบาลบ้านแพ้วเป็นศูนย์รับส่งโรคทางตาโดยเฉพาะ ดังนั้น ผู้ป่วยจึงมาจากทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทย คนจึงแน่นมาก ขณะที่ห้องตรวจมีเพียง 6 ห้อง และเรามีทีมจักษุแพทย์เพียง 14 คน นั่นหมายความว่าห้องตรวจ 1 ห้องจะมีคุณหมออยู่ 2 คน พร้อมทีมผู้ช่วยอีกจำนวนหนึ่ง ภาพจึงดูแออัดมาก”

“สำคัญกว่านั้น เราไม่ได้แค่เป็นศูนย์ส่งต่อเพียงอย่างเดียว หากเรายังมีหน่วยเคลื่อนที่ที่เราร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ออกไปผ่าตัดต้อกระจกให้กับผู้ป่วยในหลายประเทศเพื่อนบ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นภูฏาน, กัมพูชา และเมียนมา โดยเฉพาะเมียนมาเราไปทั้งหมด 4 ครั้ง และช่วยทำให้ผู้ป่วยเหล่านั้นกลับมามองเห็นอีกครั้งราว 622 คน”

ผมถาม นพ.พรเทพว่าภูมิใจไหม?

ภูมิใจมาก…เขาตอบ

แต่เมื่อกลับมาถามถึงเรื่องโครงการทำดีให้คนมองเห็น เพื่อหาเงินมาสร้างโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้วเขากลับตอบว่า…ตอนนี้ได้เงินบริจาคเพียงบางส่วนเอง ยังขาดอีกเยอะ เพราะเป้าหมายในการสร้างโรงพยาบาลครั้งนี้เพื่อขยายห้องตรวจให้มีทั้งหมด 23 ห้อง และห้องผ่าตัดอีก 9 ห้อง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน

แต่อย่างที่บอก…ผมขอใครไม่ค่อยเป็น

“โชคดีที่ยังมีคนอื่นๆ เข้ามาช่วยประชาสัมพันธ์ให้ อย่างคุณต่อ ฟีโนมีนา ก็มาทำหนังโฆษณาให้ฟรี หรืออย่างหมอภาคย์ (พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน) ก็มาช่วยแนะนำโครงการนี้ให้ ซึ่งผมต้องอาศัยวิธีนี้ เพราะเราเองทำประชาสัมพันธ์ไม่เป็น ที่สำคัญ เราเองไม่มีงบประมาณด้วย คนก็เลยไม่ค่อยรู้เท่าไหร่”

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง หากโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้วก่อสร้างเสร็จโดยเร็ว จะสามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้เร็วมากขึ้นเช่นกัน เพราะทุกวันนี้คุณหมอ และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

ทุกคนทำงานเหนื่อยมาก

แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะทำให้ผู้ป่วยโรคต้อกระจกกลับมามองเห็นอีกครั้ง ซึ่งไม่เพียงจะเป็นความหวังของเขา หากยังเป็นความหวังของครอบครัวเขาด้วย

เพราะฉะนั้น ถ้าใครสนใจอยากบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนในการสร้างโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว สามารถบริจาคผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านแพ้ว (บัญชีออมทรัพย์) ชื่อบัญชีโรงพยาบาลบ้านแพ้ว กองทุนเพื่อสร้างโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว เลขที่บัญชี 745-0-33317-1

เท่านี้เราๆ ท่านๆ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทำดีให้คนมองเห็นแล้ว

ฝากด้วยนะครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image