แดดเดียว : นิวเยียร์กันแบบ ‘งงๆ’

กราบสวัสดีปีใหม่

ปีใหม่ 2562 มาถึงแล้วบนโลกใบเดิม ฟังดูไม่น่า

ตื่นเต้น แต่ถ้าคิดว่าเหตุการณ์ต่างๆ บนโลก เปลี่ยนแปลงพัฒนาไปเรื่อยๆ แค่เข้านอนตอนค่ำๆ ดึกๆ แล้วตื่นเช้ามา โลกเราก็ขยับไปมากแล้ว ถ้าไม่ติดตาม ไม่อ่านข่าวสาร ก็อาจจะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง เว้นแต่ได้ตั้งปณิธานไว้เด็ดเดี่ยวแล้วว่า ชีวิตนี้จะไม่ยุ่งกับใคร นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ลองมาเช็กกันดูว่า ในห้วงเวลาปีใหม่ มีหัวข้ออะไรที่สังคมและผู้คนพูดถึงกัน ส่วนมากก็เป็นเรื่องเดิมๆ แต่มีความคืบหน้ามากขึ้น อย่างเช่น การเก็บสถิติ 7 วันอันตราย จะพบว่า มีตัวเลขอุบัติเหตุ คนเจ็บคนตาย เป็นร้อยๆ คล้ายเดิม

Advertisement

แต่เราจะมาสรุปง่ายๆ ว่าตายเยอะเหมือนเดิม ไม่มีอะไร ไม่น่าสนใจ ก็จะดูใจร้ายเกินไป เพราะเรื่องที่ดูไกลตัว วันหนึ่ง อาจจะเกิดกับคนใกล้ตัวเราก็ได้

ในฐานะที่เป็นพลเมือง เราสามารถทำได้อย่างน้อยสองอย่าง คือ 1.ระมัดระวังตัวเอง และคนใกล้ตัวว่า กินสุรายาเมาไปแล้วอย่าขับรถ ไม่ใช่พูดปาวๆ แบบพวกพรีเซ็นเตอร์ที่เจอไมค์ เจอกล้องแล้วพูดอย่างกับท่องคาถา แต่ต้องปฏิบัติจริงจัง รวมถึงให้ความร่วมมือในมาตรการ ที่สร้างความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย

และ 2.ต้องกระตุ้นเจ้าหน้าที่ กระตุ้นรัฐ ติติงวิพากษ์วิจารณ์ ร่วมเสนอแนะ เพื่อให้รัฐได้ใช้กฎหมาย ดูแลความปลอดภัยของคนในสังคมอย่างเต็มที่

ประเด็นตาม ข้อ 2.ได้ยินหลายคนบอกว่า ก็คนอนุญาตให้ผลิตเหล้าและสุรายาเมาก็คือรัฐนั่นแหละ ถ้าไม่อยากให้เกิดเมาแล้วขับ ก็อย่าอนุญาตให้ผลิตไปซะก็สิ้นเรื่อง

บางเสียงบอกว่า อย่างตามผับ บาร์ ร้านกินดื่มต่างๆ ที่รับอนุญาตให้เปิดกิจการขายเหล้า มีประชาชนหลั่งไหลไปฉลองวาระต่างๆ หรือผิดหวังเสียใจไปกินเหล้าแก้กลุ้ม

พอขับรถออกจากร้านถึงถนนใหญ่ จะพบด่านตรวจของตำรวจ ตั้งขวางถนนอยู่ทันที

ทีนี้จะรออะไร ก็ “เป่า” สิครับ ถ้าเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก็ต้องเจอข้อหาต่างๆ บางคนเป่าแล้วขึ้นเป็นร้อยก็มีเป็นปกติ เรียกว่า เป็นขวดสุราขับรถก็ว่าได้ ต้องโดนปรับ บำเพ็ญประโยชน์สารพัด

มีคนถามว่า ถ้ารัฐให้เปิดร้านขายเหล้า แล้วเอาตำรวจไปดักตรวจแอลกอฮอล์หน้าร้าน มันดู “ย้อนแย้ง” อยู่นะ อนุญาตให้ขาย พอซื้อกินกลับถูกจับดำเนินคดี ทุกวันนี้ การทำมาค้าขายฝืดเคืองมากอยู่แล้ว ประชาชนจะพักผ่อนหย่อนใจ กินเหล้าแก้วสองแก้วให้สบายใจมิได้หรือ

ถ้าจะตอบอย่างเข้าใจอย่างพลเมืองดีผู้ยืนข้างรัฐไทย ก็ต้องบอกว่า จะกินเท่าไหร่ก็กินไปเถอะไม่ผิดกฎหมาย แต่อย่าขับรถ ให้เรียกแท็กซี่กลับบ้าน เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย

ถ้าเมาแล้วไปขับรถ ถ้าตรวจเจอปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด ก็ต้องเข้ากระบวนการยุติธรรม วิธีการบังคับใช้กฎหมาย ก็ไม่ยาก ตั้งด่านมันหน้าผับหน้าบาร์ ออกมาก็วัดดวงกันเลย

อย่างไรก็ตาม มองจากฝั่งคอเหล้าก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่ ในเรื่องนี้ คงต้องรอให้มีสภาผู้แทนฯ จะต้องร้องเรียนผ่าน ส.ส.ซึ่งเป็นผู้แทนปวงชน ให้ไปหา “ความลงตัว” ให้ได้

ว่าทำอย่างไร ถึงจะรู้สึกวิน-วิน-วิน กันทุกฝ่าย

นอกจากเมาแล้วขับ และอีกเรื่องที่พูดกันมากในช่วงปีใหม่ คือการเลือกตั้ง

ขี้เมาหลายคนที่เมาแล้วขับ จนไปพบจุดจบที่ด่านตรวจ บางคนอาจจะเพิ่งถกเถียงกับเพื่อนเรื่องเลือกตั้งจนเมามายกว่าปกติก็เป็นได้

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และเชื่อว่า ประชาชนคนไทย จะจดจำการเลือกตั้งหนนี้ไปอีกหลายสิบปี เพราะมีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นมากมาย

ทั้งกฎกติกา การตั้งพรรคการเมือง การได้มาของ ส.ว. การเลือกตั้ง ส.ส. และการกำหนดตัวนายกรัฐมนตรี ฯลฯ

ปมสำคัญก็คือ เป็นการเลือกตั้งครั้งแรก ที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ซึ่งเป็นการรัฐประหารเพื่อ “ปฏิรูป” ประเทศไทย

การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ที่ประกาศกันเก๋ๆ เมื่อปี 2557 นั้น เวลาผ่านไป 4-5 ปี ครั้นมาถึงปี 2561-2562 ผู้คนจะเหลียวหลังแลหน้ากันล่อกแล่ก

พร้อมกับถามว่า สรุปแล้วได้ปฏิรูปตรงไหนกันไปแล้วบ้าง

เพราะไม่เห็นจะมีอะไรแตกต่าง นักการเมือง พรรคการเมืองที่เปิดตัวออกมาก็หน้าเดิมๆ

บางพรรคบอกมี “คนรุ่นใหม่” หล่อๆ ใสๆ มาลงสมัคร แต่พูดจาออกมา เนื้อหาสาระล้าหลังเละเทะ ยิ่งกว่าพวกคนหน้าเก่าๆ ที่บอกกันว่าจะต้องถูกปฏิรูปเสียอีก

เป็นอันว่า เวลาผ่านไป 4-5 ปี หลายๆ อย่างผ่านไปแบบเดิมๆ ปีใหม่เรายังเมาขับ บาดเจ็บล้มตายกันมากมาย

พอจะเลือกตั้ง คนที่เสนอตัวเข้ามาก็หน้าเดิมๆ วิธีการต่างๆ ก็ไม่ได้ต่างไปจากปี 2550 สักเท่าไหร่

แต่ที่เปลี่ยนไปแน่นอนคือประชาชน เจ้าของสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งรู้เท่าทันมากขึ้น และตั้งคำถามมากขึ้น ไม่เชื่อไปนั่งตามวงสนทนาเมื่อตอนปีใหม่ดูก็ได้

แล้วมาลุ้นผลเลือกตั้ง ซึ่งเลื่อนไปวันที่ 24 มี.ค.62 กันอีกที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image