‘กีฬา’เป็นยาวิเศษ

การจัดงานวิ่งยังเป็นกระแสที่มาแรง และไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงง่ายๆ ด้วย ดังจะเห็นได้จากสารพัดการจัดงานวิ่งที่มีขึ้นมาให้บรรดานักวิ่งทั้งหลายเลือกลงเต็มไปหมด แทบไม่เว้นว่างในทุกเดือน บางเดือนมีแทบทุกอาทิตย์ และบางอาทิตย์มีชนกันหลายงาน

หลายงานเปิดรับสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ปั๊บ เต็มภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ

และไม่ใช่แค่งานวิ่งภายในประเทศ เดี๋ยวนี้งานวิ่งสำคัญๆ ในต่างประเทศที่นักวิ่งทั่วโลกอยากไปร่วมด้วยสักครั้งก็เริ่มได้รับความสนใจจากนักวิ่งชาวไทยมากขึ้น เช่น โตเกียวมาราธอน และบอสตันมาราธอน เป็นต้น

ได้ยินว่าการจัดทัวร์เพื่อไปวิ่งก็เริ่มๆ มีคนทำบ้างแล้ว

Advertisement

อะไรจะขนาดนั้น

แต่ไม่ว่าจะวิ่งเพื่อออกกำลังกาย เพื่อลดน้ำหนัก วิ่งตามเพื่อน ตามแฟน เป็นแฟชั่นหรือจะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ยังไงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

น่าดีใจที่คนไทยหันมาเอาใจใส่ดูแลสุขภาพมากขึ้น

Advertisement

ใครที่เป็นขาประจำสวนสาธารณะกลางกรุง เช่น สวนลุม หรือสวนรถไฟ

จะรู้สึกได้เลยว่าแม้แต่ในวันธรรมดาก็มีผู้คนไปใช้บริการเยอะขึ้นกว่าเดิมมาก หลากหลายวัยทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน ที่มาเป็นครอบครัวก็มีไม่น้อย

ทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่างๆ พลอยได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย ทั้งเสื้อผ้า ชุดกีฬา รองเท้า อุปกรณ์กีฬา เรื่อยไปจนถึงบรรดาสปอร์ตแก็ดเจ็ทต่างๆ ล้วนขายดิบขายดีกันถ้วนหน้า

เมื่อเร็วๆ นี้ “ศิวัช วสันตสิงห์” เจ้าของร้านขายสินค้ากีฬา “อาริ” (Ari) ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ “ประชาชาติธุรกิจ”

ว่าจะลงทุนเปิดร้านขายสินค้าเกี่ยวกับการวิ่งในชื่อร้าน “Ari Running” เพิ่มขึ้น จากที่มีอยู่แล้ว 3 แห่ง เพิ่มเติมจากร้าน Ari Football ที่จำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับฟุตบอลเดิม รวมถึงเตรียมผลิตชุดกีฬาภายใต้แบรนด์ “Ari” เพื่อวางจำหน่าย และเป็นเสื้อทีมในการลงแข่งวิ่งในรายการต่างๆ และการไปออกบูธสินค้า

เรียกว่า ไม่รอช้าที่จะกระโดดเข้าใส่โอกาสใหม่ๆ เต็มพิกัด

เช่นกันกับร้านจำหน่ายสินค้าไอที และโทรศัพท์มือถือหลายรายที่ไม่ยอมตกขบวน หลายแห่งปรับแผนธุรกิจหันไปนำ “สปอร์ตแก็ดเจ็ท” แบรนด์ต่างๆ เข้ามาวางขายมากขึ้น

ผู้ประกอบการบางรายถึงกับเตรียมสร้างแบรนด์สินค้าของตนเองขึ้นมา เพราะมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ในยามที่แม้แต่ “สมาร์ทโฟน” สิ่งของจำเป็นของคนในยุคโซเชียลยังพลอยฟ้าพลอยฝนได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่อง

ต่างจากอุปกรณ์สวมใส่ หรือ Wearable Device ทั้งหลายที่ยังขายดิบขายดี เพราะตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นทั้งสายรัดข้อมืออัจฉริยะ และสมาร์ทว็อทช์ ที่มีฟังก์ชั่นในการเก็บบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ และการออกกำลังกายต่างๆ ตั้งแต่อัตราการเต้นของหัวใจ, การนับก้าวเดิน, การวิ่ง และอื่นๆ

ไล่ไปตั้งแต่กลุ่มสินค้าที่มีระดับราคาไม่แพงมากแค่ 2-3 พันบาท ไปถึงราคา 2-3 หมื่นบาทโน่นเลย

ล้วนขายดิบขายดี

ไม่เฉพาะในบ้านเรา

เทรนด์รักสุขภาพดูจะเป็นกระแสของโลก ส่งผลให้ยอดขายสปอร์ตแก็ดเจ็ททั่วโลกเติบโตมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

จากข้อมูลของบริษัทวิจัยไอดีซีระบุว่า ในไตรมาส 4 ปีที่แล้วยอดขายสินค้าประเภทอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Device) เติบโตเพิ่มขึ้นทั่วโลกเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านั้นมากถึง 127%

และเมื่อรวมกันทั้งปีคาดว่ายอดขายในปีที่ผ่านมาจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 170%

สำหรับในเมืองไทยก็ไม่ต่างกัน มีการคาดการณ์ด้วยว่า ยอดขายในปี 2559 นี้จะเติบโตมากขึ้นกว่า 200% แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันดูไม่ค่อยจะสดใสเท่าใดนัก โดยมีแรงส่งมาจากกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปที่หันมาสนใจการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น กลุ่มนักกีฬา และกลุ่มนักวิ่งที่เพิ่มขึ้นมากนั่นเอง

“กีฬาๆ” จะเป็นยาวิเศษช่วยบรรเทาพิษเศรษฐกิจได้สักกี่มากน้อยมาช่วยกันลุ้นดีกว่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image