สมาธิและคลื่นสมอง

วันนี้ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันวิสาขบูชา วันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน นับเป็นวันสำคัญยิ่งทางพุทธศาสนา ที่ชาวโลกและสหประชาชาติประกาศให้เป็นวันสำคัญ

พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีผู้เข้ามานับถือและพิสูจน์ความเป็นชาวพุทธมากขึ้น ดังมีข่าวอยู่เนืองๆ ว่าบรรดาเศรษฐีเมื่อค้นพบสัจธรรมแห่งพุทธศาสนาได้ปวารณาตัวเข้ามาบวช แล้วถือบวชไปจนตลอดชีวิต

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อริยสัจสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ด้วยการบำเพ็ญเพียรภาวนา เรื่องของการบำเพ็ญเพียรภาวนาไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ หรือนั่งหลับตาแล้วภาวนาพุทโธเท่านั้น แต่มีผลวิจัยโดย K. Kijsarun Chanpo ถึงการทำสมาธิกับการสวดมนต์กับนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 60 คน โดยให้สวดมนต์ 30 คน ทำสมาธิ 30 คน เป็นชายและหญิงอย่างละ 15 คน และทำการวัดคลื่นสมองทีละคนขณะสวดมนต์ 30 นาที และกับผู้ทำสมาธิ 30 นาที

ขณะบันทึกการทำงานของสมองตลอดระยะเวลา 30 นาที ของผู้ที่สวดมนต์ทีละคนทั้ง 30 คน ได้ผลเหมือนกัน คือ 0-5 นาทีแรก จิตยังส่าย เมื่อขึ้นนาทีที่ 5-10, 10-15, ทีละ 5 นาที ถึงนาทีที่ 25-30 คลื่นสมองจะบอกถึงการดิ่งของจิตที่สงบจนจบต่อเนื่องถึงหลังการทดลองอีกระยะหนึ่ง

Advertisement

ส่วนการทำสมาธิจะได้ผลดีที่สุดตั้งแต่นาทีที่ 0-5 เมื่อเข้านาทีที่ 5-10, 10-15, ทีละ 5 นาทีจนจบการทดลอง จิตจะซัดส่าย คลื่นสมองไม่นิ่ง อันเนื่องมาจากนิวรณ์ 5 เข้ามาเป็นเครื่องกั้นการทำงานของจิตต่อการทำสมาธิ ดังนั้น จิตที่ยังมีนิวรณ์ 5 เช่นนี้ ย่อมไม่สามารถเป็นสมาธิได้ จึงต้องฝึกเป็นประจำสม่ำเสมอจะสามารถกำจัดนิวรณ์ได้

การทดลองนี้สอดคล้องกับมาตรฐานสัญญาณคลื่นสมองอัลฟ่าผ่อนคลายเมื่อหลับตาลงซึ่งเป็นช่วงดีที่สุดในระยะแรก ทำให้เรารู้ว่าการสวดมนต์ก่อนทำสมาธิจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจิตเราจะจดจ่อกับบทสวดมนต์ตลอดเวลา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมองอัลฟ่าขึ้น และคงอยู่ได้อย่างต่อเนื่องจนหลังการทดลองอีก 5 นาที ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่การทำสมาธิได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อฝึกบ่อยๆ นิวรณ์จะหมดไป

ขอบคุณผู้นำเสนอผ่าน “ไลน์” ข้าพเจ้า (ผู้เขียน) ขอถ่ายทอดเพื่อให้ท่านผู้รู้แจ้งกับผู้ปฏิบัติต่อไป

Advertisement

เรื่องของ “สมาธิ คลื่นสมอง” หนังสือเล่มหนึ่ง คุณพี่กิติกร มีทรัพย์ จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสครบรอบวันเกิด 75 ปี ในชื่อ “กิติกร 75” เป็นหนังสือที่ระลึกในชื่อเดียวกันนั้น แบ่งเป็นสามภาค คือ ภาคแรกเป็นงานวิจัยและค้นคว้าของ ดร.เฮอร์เบิร์ต เบนสัน ถึงการเกี่ยวข้องกันระหว่างการเจริญสมาธิกับคลื่นสมอง ชี้ว่าผู้ที่เจริญสมาธิถึงระดับหนึ่ง คลื่นสมองจะคลายความถี่เป็นคลื่นธีตา (Theta) ผู้นั้นจะรู้สึกผ่อนคลายไม่เครียด ไม่วุ่นวายใจ จิตใจเข้มแข็งดังปรารถนา

ภาคหลัง คือภาคผนวก แสดงตัวอย่างของผู้เจริญสมาธิในขั้นสูงและสูงมาก ทำให้ได้ฤทธิ์ทางใจ (will power) ได้ฌาน (absorption) หรืออภิญญา ซึ่งบางคนได้จากการฝึกฝน แต่บางคนได้จากฟ้าประทาน! ภาคสุดท้าย เป็นภาคสรุปประโยชน์จากการเจริญสมาธิ

คำนำของผู้เขียนแจ้งว่า ว่ากันว่ามีชาวอเมริกันปัจจุบันสนใจการเจริญสมาธิไม่น้อย

กว่า 10 ล้านคน ทั้งยังมีนักวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพหลายสาขา เช่น ประสาทวิทยา จิตเวชศาสตร์และจิตวิทยา รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญศาสนาปฏิบัติเห็นสอดคล้องและศึกษาวิจัยต่อยอดจาก ดร.เบนสัน ในหลายแง่

ผู้เขียนบอกไว้ด้วยว่า กัลยาณมิตรกรุณาให้สติถึงอายุที่ลงท้ายด้วยเลข 5 เช่น 25 และ 75 มักมีเหตุทางลบที่ไม่คาดฝันแวะเวียนมาคุกคามจู่โจมเสมอ ถ้าไม่ระมัดระวังอาจเป็นอันตรายได้ จึงควรเจริญสมาธิไว้

ผู้เขียนเป็นนักจิตวิทยาระดับนักวิชาการ 10 และเคยเป็นนายกสมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย มีผลงานเขียนสารคดีทางจิตวิทยา ประวัติศาสตร์กับหนังสือในเครือมติชน หากใครรู้จักกับพี่ท่านควรขอมาอ่าน

เสียดายที่จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสอายุ 75 ปี และแจกจ่ายเฉพาะญาติสนิทมิตรสหายเท่านั้น ทั้งที่น่าจัดพิมพ์เพื่อจำหน่าย จะเป็นประโยชน์และให้ความรู้เรื่องสมาธิและคลื่นสมองไม่น้อย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image