ที่มา | คอลัมน์ จิปาถะ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ส.พลายน้อย |
เล่าเรื่องของพระกระบี่ธุชและธงพระครุฑพ่าห์ไว้ยังไม่จบ ขอต่อให้ครบจบเรื่องเพราะเป็นธงสำคัญ
ธงพระกระบี่ธุชและธงพระครุฑพ่าห์ที่ทำใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 6 นี้มีแผ่นผ้าขาวลงยันต์และอักขระตามแบบครั้งรัชกาลที่ 1 ทุกประการ ในครั้งนั้นพระครูสุทธธรรมสมาจาร (เลื่อง) วัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ทำพิธีลงยันต์และอักขระที่วัดตูม อยุธยา คันธงทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ยอดเป็นรูปหอกคร่ำทอง กาบธงผูกหางนกยูงเป็นรูปแพน (แผ่ออก) สอดลงในแผ่นสำริดรูปกบี่และครุฑที่ขุดได้ดังกล่าวข้างต้น เมื่อสำเร็จเรียบร้อยแล้วได้อัญเชิญมาประดิษฐานในพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ร.ศ.129 (พ.ศ.2453) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจิม
ครั้นเสร็จการพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ (พิธีตรุษสิ้นปี เดือน 4) แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดให้เชิญธงดังกล่าวไปถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อทรงจารึกคาถาบนแผ่นสัมฤทธิ์หลังรูปพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์อีกครั้งหนึ่ง เสร็จแล้วพระมหาราชครูพิธีพราหมณ์เจิมจุณธง เสร็จแล้วเจ้าพนักงานเชิญธงกลับสู่พระบรมมหาราชวัง
สรุปว่าในชั้นเดิมวังหน้าใช้ธงกระบี่ธุช (ธงมีรูปหนุมาน) ธงวังหลวงเป็นรูปครุฑ ต่อมาภายหลังจึงเอามารวมนำเสด็จพระเจ้าแผ่นดินทั้ง 2 อย่างคู่กัน เป็นต้นเค้าของธงกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์ สิ่งสำคัญทั้ง 2 อย่างนี้ได้ในตอนต้นรัชกาที่ 6 ทำให้พระองค์มีความปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง ทรงรู้สึกว่าคล้ายๆ ได้ช้างเผือก ได้มีพระราชหัตถเลขาทูลกรมหลวงดำรงราชานุภาพ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม รศ.129 ตอนหนึ่งว่า
“ฉันรู้สึกปลื้มอิ่มใจเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าคล้ายๆ ได้ช้างเผือก…เพราะรู้อยู่ว่านับวันจะหายากเข้าทุกที…นี่ก็นับว่าเป็นโชคดีเป็นบุญนักหนาที่ได้ของสำคัญๆ เช่น กระบี่ธุชครุฑพ่าห์โบราณนี้มาภายในปีต้นแห่งรัชสมัยนับเป็นสวัสดิมงคลแก่ตัวหม่อมฉันและพระราชบรมวงศ์จักรี ทั้งสยามรัฐสีมาประชาชนที่หม่อมฉันได้รับการเป็นผู้ทำนุบำรุง…”
ในรัชกาลปัจจุบันเมื่อเสด็จพระราชดำเนินเป็นกระบวนราบ เช่น เสด็จพยุหยาตราทางสถลมารคก็อัญเชิญธงชัยพระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์นำเสด็จ และอัญเชิญไปประดิษฐานในพิธีสวนสนามสาบานตนต่อธงชัยเฉลิมพลด้วย
ที่เล่ามาข้างต้นก็เพื่อให้ทราบเรื่องหนุมานตามทรรศนะของไทยว่ามีอะไรบ้าง