เราหลงลืมอะไรบางอย่าง

ตั้งปุจฉาเล่นๆ ในวงสนทนาเมื่อคืนก่อนว่าเหตุการณ์ดอกเตอร์ฆ่าดอกเตอร์ด้วยกันนั้นแสดงถึงความเสื่อมในด้านไหนบ้างของสังคมไทย

บางคนบอกว่าเป็นความเสื่อมทางด้านจิตใจ

เป็นถึงครูบาอาจารย์แล้ว ควรจะยับยั้งชั่งใจมากกว่านี้ ควรจะรับความโกรธด้วยความไม่โกรธ ที่สำคัญเขาไม่ควรปล่อยให้โมหะจริตเข้าครอบงำจิตใจ จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรม

ขณะที่บางคนบอกว่าเป็นความเสื่อมของระบบคุณธรรม เพราะคนมีความรู้ขนาดนี้ อายุขนาดนี้แล้วน่าจะแยกแยะดีชั่วได้

Advertisement

แยกอะไรผิด อะไรถูก แต่ทำไมถึงใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ทำไมถึงไม่มีจิตแห่งความเมตตา แม้ตัวเองจะถูกรังแกอย่างไร หากเราไม่ไปตอบโต้ หรือโต้กลับ

เขาก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้

ทั้งนั้น เพราะคุณธรรมในจิตใจของเขาแตกซ่าน จนมองไม่เห็นแนวทางการแก้ปัญหา ที่สุดดวงตาแห่งธรรมจึงไม่บังเกิด จนกลายเป็นข่าวดั่งที่ปรากฏ

Advertisement

ซึ่งผมนั่งฟังวิสัชนาของเพื่อนๆ ทั้งหมด ก็เชื่อว่าสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาแลกเปลี่ยนสนทนาน่าจะมีความจริงเจือปนอยู่บ้าง

แม้จะไม่มีใครทราบความจริงเลยก็ตาม

นอกจากพวกเขาทั้งสามคน

ผมอ่านข่าว ดูข่าวแบบไม่ละเอียดนัก แต่จับใจความได้ว่าเหตุผลที่ดอกเตอร์คนหลังสุดต้องฆ่าสองดอกเตอร์เพราะถูกกลั่นแกล้งสารพัด สำคัญที่สุดคือเรื่องการหยามศักดิ์ศรี

ผมไม่รู้หรอกว่าศักดิ์ศรีของเขาสูงค่าแค่ไหน

แต่เมื่อพี่ชายที่เคารพมาร้องขอชีวิต ญาติพี่น้องมาร้องขอชีวิต ลูกศิษย์ และบุคคลที่เคารพรักมาร้องขอชีวิต เพื่อให้เขามอบตัว และต่อสู้คดี เขากลับไม่ฟังเสียงบุคคลเหล่านั้นเลย

ทั้งๆ ที่มีเวลาตัดสินใจตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะปลิดชีพตัวเองลง

ผมถึงเชื่อว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการให้เรื่องมันจบลงแบบนี้ เพราะก่อนที่เขาจะยิงตัวตาย เขาได้ส่งจดหมายลาตายให้กับทางตำรวจก่อน เพื่อให้ทุกคนทราบว่าที่เขาต้องทำแบบนี้ เพราะสาเหตุทั้งหมดเกิดจากดอกเตอร์สองคนนั่น

เสมือนเป็นการเคลียร์ตัวเองให้ทุกคนทราบ

ไม่ใช่ปล่อยให้กังขาเหมือนกับตอนที่เขามีชีวิตอยู่

เรื่องนี้หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นคงเป็นหนังคนละม้วน เพราะอย่างที่ทุกคนทราบดีสังคมไทยสมัยนี้เสื่อมทรามลงทุกวัน

สาเหตุหลักๆ มาจากความเมา

ความใจร้อน

ความอหังการ

ความเป็นพรรคเป็นพวก

และสภาพสังคมโดยรวมที่เป็นอยู่

ใครเล่าจะเชื่อว่าเราจะเห็นข่าวพี่ข่มขืนน้องสาว พ่อข่มขืนลูก หลานข่มขืนยาย วัยรุ่นรุมทำร้ายคนพิการ พระมั่วสีกาในกุฏิ ดารา นักร้อง นักกีฬาถ่ายคลิปหวิวโชว์เสียวกับแฟนคลับ

ฯลฯ

ไม่นับรวมเหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่วัยรุ่นยิงกัน ตีกัน ขับรถชนกันตาย จนทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องจบชีวิตลงอย่างอเนจอนาถ

พอตำรวจจับก็ขอสู้คดีในชั้นศาล

แถมยังทำสีหน้าไม่สะทกสะท้านต่อความผิดบาปที่ตัวเองกระทำ จนทำให้ผมสงสัยว่าสังคมไทยทุกวันนี้มันเริ่มเน่าเฟะมาจากสาเหตุใด

จากเทคโนโลยีจริงๆ หรือ

หรือขาดการอบรมเลี้ยงดูสั่งสอน

เพราะสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวชั้นล่าง กลาง บน ทุกคนต่างต้องทำมาหากิน ทุกคนต่างต้องการแสวงหาความร่ำรวยใส่ตัวเอง จนทำให้หลงลืมอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า

เราไม่ค่อยได้พาลูกทำบุญตักบาตรหรือเปล่า

เราไม่ค่อยให้เขาเข้าวัดเข้าวาเพื่อฟังธรรมะจากพระ (จริงๆ) หรือเปล่า

หรือเราไม่ค่อยได้อบรมสั่งสอนเขาจริงๆ จังๆ เพื่อให้เขารู้ว่าทุกบาท ทุกสตางค์ที่พ่อแม่หามาได้นั้นมันช่างลำบากเสียเหลือเกิน

ลูกต้องใช้จ่ายในสิ่งเท่าที่จำเป็นเท่านั้นนะ

หรือปิดเทอมลูกควรไปทำงานพาร์ตไทม์บ้าง ถึงเวลาที่เราอยากได้อะไร จะได้ซื้อหาเอง จะได้ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่น หรือไม่ก็เอาเงินจำนวนนี้ส่งเสียตัวเองเรียน หรือซื้อหนังสือ เสื้อผ้า เพื่อจะได้แบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้บ้าง

เพราะสมัยนี้โอกาสเปิดกว้างมากที่จะช่วยทำให้วัยรุ่นช่วยเหลือตัวเอง

ทั้งยังมีบริษัท ห้างร้านจำนวนมากที่พร้อมสนับสนุนให้นักเรียน นักศึกษาทำงานพาร์ตไทม์ แต่กระนั้น ก็คงเป็นส่วนน้อยในส่วนใหญ่ที่เลือกทำเช่นนี้

เพราะยังมีวัยรุ่นอีกจำนวนมากที่ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย เพราะเลือกไปประลองกำลังรถมอเตอร์ไซค์บนท้องถนนช่วงปิดเทอม

หรือเลือกที่จะจับกลุ่ม ตั้งแก๊งเพื่อสร้างการยอมรับในกลุ่มเพื่อนฝูง ท้ายที่สุด พวกเขาเหล่านี้ก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหล้า เบียร์ กัญชา และยาเสพติดอื่นๆ จนทำให้สติสัมปชัญญะขาดกระเด็น จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมอย่างที่เราเห็นจากข่าวที่ปรากฏตลอดหลายปีผ่านมา

ผมถึงมีความเชื่อว่าขณะนี้สังคมไทยมันขาดวิ่นเสียเต็มทน แทบจะไม่มีสิ่งใดให้วัยรุ่นยึดเหนี่ยวจิตใจได้เลย หันไปที่ครอบครัวทุกคนก็เอาแต่ทำงานหาเลี้ยงชีพ จนไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูกๆ

ปล่อยให้เขาอยู่กับเทคโนโลยี

ซึ่งก็รู้กันอยู่ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้มีช่องทางมากมายที่จะทำให้เยาวชนของชาติไถลไปทางอื่น หากครอบครัวตั้งต้นไม่ช่วยกันดูแลอบรมตักเตือนเสียแต่แรก โอกาสที่จะทำให้เขาผิดพลาดย่อมมีสูงตามไปด้วย

ศาสนาก็เช่นกัน

พระสมัยนี้ก็อย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบดี

จะไปช่วยอบรมขัดเกลาจิตใจมนุษย์ได้อย่างไร เพราะพระภิกษุสงฆ์เองก็ยังหนีไม่พ้นวังวนของกิเลส ตัณหา ชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ จะพึ่งได้อย่างไร

กฎหมายก็เช่นกัน

คนผิดอาจกลายเป็นถูก

คนถูกอาจกลายเป็นผิด

แล้วเราจะเชื่อถืออะไรได้ เพราะฉะนั้น ทางเดียวที่จะทำให้ตัวเอง และครอบครัวอยู่รอดในสังคมที่ขาดวิ่นอย่างมีความสุขคือต้องหันกลับมาดูแลตัวเอง และครอบครัวอย่างเป็นจริงเป็นจัง

ต้องสอนให้เขามีคุณธรรม จริยธรรม และต้องให้เขามีความละอายต่อบาปบ้าง ก็อาจจะทำให้เรื่องร้ายๆ ที่จะเกิดขึ้น อาจไม่เกิดขึ้นได้

ซึ่งเหมือนอย่างกรณีศึกษาของสามดอกเตอร์ที่เกิดขึ้นไม่นานผ่านมา

เศร้าใจจริงๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image