แดดเดียว : ปุ๊กกี้กับการเมือง

และแล้ว ดารานักร้องอีกคน “ปุ๊กกี้” ก็ต้องเดินคอตกเข้าซังเต จากคดียาไอซ์

ปุ๊กกี้ดังมาจากการนำเอาเพลง Sha La La La La มาร้องใหม่ ด้วยรูปร่างหน้าตาคมเข้มสดใส แบบสาวน้อยลูกครึ่ง ทำให้เพลงนี้กลับมาดังอีกครั้ง

ก่อนหน้าปุ๊กกี้จะร้องเพลงนี้ คนไทยรู้จัก จากเวอร์ชั่นที่ The Wynners นำมาร้องโด่งดัง เมื่อปี 2517 หรือ 1974 อีกเพลงที่ดังพร้อมๆ กัน คือ

I ’ll Never Dance Again ที่เดอะวินเนอร์สนำมาร้อง-บันทึกเสียงใหม่

Advertisement

Sha La La La La ต้นตำรับ เป็นเพลงยูโรพ็อพ ผลงานของ The Walkers วงจากเดนมาร์ก ที่ออกผลงานนี้เมื่อ 2516 หรือปี 1973

ต่อมาวง Venga Boys จากฮอลแลนด์ มาร้องในสไตล์แดนซ์โด่งดังกันไป ส่วนในภาคพื้นเอเชีย The Wynners วงฮ่องกง นำโดย Alan Tam และ Kenny Bee นำมาบันทึกเสียงใหม่ แล้วข้ามทะเลมาดังในไทย

ปุ๊กกี้ร้องเพลงนี้ในวัยก่อน 20 เล็กน้อย จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว จากนั้นมีปัญหาความรักและครอบครัว มีข่าวมาเป็นระยะ ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยลงรอยกับคุณแม่ของเธอ ซึ่งเป็นสุภาพสตรีที่เห็นชัดว่ารักและหวงลูกสาวมาก

Advertisement

เมื่อรักมากแต่ลูกสาวไม่ได้เดินตามแนวทางที่่คุณแม่แนะนำ ก็เลยเป็นข่าวออกมาสู่โลกภายนอก

แต่รอบนี้หนักสุด และเธออายุ 40 ปีแล้ว

ยังไม่ได้ทราบว่า ครอบครัวของปุ๊กกี้จะว่ายังไง แต่รอบนี้ เป็นเรื่องครอบครัวใหม่ล่าสุด คือปุ๊กกี้และคู่ครองคนปัจจุบัน

เหตุที่มาผิดพลาดในรอบนี้ เธอให้การว่าต้องการได้เงินไปใช้จ่าย แล้วค้าขายยาเสพติดที่วงการนิยมแบบนี้ กำไรหรือส่วนต่างงดงามมาก

ก็ถือว่าความจำเป็นนั้นเข้าใจได้ แต่การแก้ปัญหาความจำเป็นในชีวิตด้วยการทำผิดกฎหมาย เป็นการคิดผิดครั้งใหญ่ในชีวิต

โอกาสที่จะแก้ไขสิ่งผิดในชีวิตรอบนี้ ยุ่งยากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ต้องก้มหน้าก้มตารับสภาพไป ถ้าเชื่อว่าไม่ผิดก็ต่อสู้ไป

การเข้ามายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อาศัยความเป็นดาราที่สังคมรู้จัก ทำให้เคลื่อนไหวได้ง่าย จะพบปะใครก็ไม่ใช่เรื่องยาก การค้าขายก็ยิ่งแนบเนียนคล่องตัว

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจไทยไม่ใช่มูลไก่ แต่มีการข่าว สายข่าว มีกลไกจับจ้องสอดส่อง

ผิดสังเกตเมื่อไหร่มักไม่เหลือ ยิ่งเป็นคนดังยิ่งต้องจัดการ เพื่อให้เกิดผลสะเทือน เป็นการป้องปรามไปในตัว

ดาราหลายคนจบเห่มาแล้ว รอบนี้จะขยายผลไปเจออีกกี่คน ต้องจับตากันไป

เรื่องของศิลปินดาราเมืองไทย นอกจากผลงานแล้ว ชีวิตส่วนตัวก็เป็นที่สนใจของสังคม เพราะถ้ามีชีวิตส่วนตัวที่ดี ก็มีผลต่อความนิยม

จึงมีข่าวดาราจีบกัน เลิกกัน คบซ้อน แย่งแฟน ดาราแต่งงาน ดาราเตียงหัก ไปจนถึงดาราตกอับ กลายเป็นดราม่าของชีวิตจริง

ขณะที่ทรรศนะ ความเห็น ของดารา ก็เป็นอีกเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ

แต่เรื่องของความคิดความเห็นโดยเฉพาะในเรื่องการเมือง มักจะมีความเสี่ยง โดยเฉพาะการเมืองไทยมีความขัดแย้งที่เป็นอภิมหาอมตะมาตั้งแต่ 2549 ถึงขนาดสังหารกันกลางเมืองเป็นร้อยศพ

การแสดงความเห็นทางการเมืองของดารา จึงมีความเสี่ยง เผลอๆ อาจเป็นศพที่ยังหายใจได้ไปได้ง่ายๆ

พวกที่ไปเล่นการเมืองชัดๆ เรียกว่าไปเป็นนักการเมือง อาจจะแยกไปกลุ่มหนึ่ง อย่าง กรุงศรีวิไล สุทินเผือก หรือน้าเอ๊ด อดีตพระเอกมาดกวน ที่รอบนี้สอบผ่านเป็น ส.ส.ปากน้ำ พรรคพลังประชารัฐ ไปโหวตนายกฯบิ๊กตู่ ไปแล้ว

ส่วนอดีตพระเอก โกวิท วัฒนกุล รอบนี้ไปลง ส.ส.เขตที่สุรินทร์ พรรคเพื่อชาติ อาจจะเจอศึกหนัก ยังไม่พบชื่อในผลการสอบ

นั่นคือกลุ่มที่ไปลงสมัคร ส.ส. สังกัดพรรคชัดเจน ออกหาเสียงเป็นเรื่องเป็นราว สอบได้ไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่อง

อีกกลุ่มคือ ดาราที่ยังทำมาหากินกับการแสดง ทางละครทีวีบ้าง โชว์ตัวบ้าง ไปเล่นหนังบ้าง แต่ก็ชอบกิจกรรมการเมือง

อย่างเมื่อคราวชุมนุมไล่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” เมื่อปี 2556-2557 มีดาราหลายคนไปขึ้นเวที เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าด

บางกลุ่มไปเล่นละครล้อการเมือง ล้อผู้นำ บางคนไปแสดงความปลาบปลื้มชื่นชม “มือปืนป๊อบคอร์น”

ในเวลานั้น เรียกเสียงชื่นชมจากม็อบด้วยกันล้นหลาม แต่คลิปเนื้อหาเดียวกันนี้ เมื่อแพร่กระจายไปในวงกว้าง ก็กลายเป็นอีกเรื่อง

ดาราบางคน ไปประกาศท่าทีไม่ไปเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 พร้อมกับแสดงทรรศนะตามสูตรที่พูดกันตามเวทีชุมนุมในเวลานั้น

แน่นอนว่า คำขวัญ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” อาจจะดูดีในพื้นที่หนึ่ง แต่ในบางพื้นที่และหลายพื้นที่ นี่คือวาทกรรมที่สร้างเงื่อนไขให้กับการยึดอำนาจ

ซึ่งการล้มกระดานประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของสังคมทั่วไป

ทุกวันนี้เรื่องราวที่ว่ามา ยังมีคลิปให้เปิดดูในยูทูบ นานๆ ทีก็มีคนเอามาแชร์ใหม่ในเฟซบุ๊กเตือนความจำกันเสียที

น่าสังเกตว่า พอมาแชร์ใหม่ทีไร ก็จะมีเสียงก่นด่าถล่มกันอย่างชวนให้ระทึกใจ

ที่จริงสังคมไทยเราว่าไปแล้ว เปิดใจกว้างให้กับดารา นักร้องที่แสดงความคิดความเห็นทางการเมือง อยู่พอสมควร

อย่างดาราที่ไปเชียร์ม็อบนกหวีด เชียร์รัฐประหาร ก็ยังทำมาหากินในวงการได้ปกติดี

บางคนก็ยังแสดงความคิดความเห็น เชียร์บิ๊กนั้น

บิ๊กนี่อยู่เป็นปกติ ด้วยเหตุผลและตรรกะที่ฟังได้บ้างไม่ได้บ้าง

บางทีก็เหมือนกับเป็นการ “เอนเตอร์เทน” สังคมและประชาชน ตามบทบาทหน้าที่ของศิลปินอยู่เหมือนกัน ส่วนจะได้เสียงตอบรับ เป็นเสียงชื่นชม โห่ฮา ดอกไม้ หรือก้อนอิฐ ก็แล้วแต่ว่าเนื้อหาที่เสนอไปมันโอเคหรือไม่ ท่านผู้ชมจะถูกใจมากน้อยแค่ไหน

ในบางแง่มุม ดาราก็คืออาชีพที่ทำมาหากินกับความเชื่อคือ ความนิยมของสังคม คล้ายๆ นักการเมืองอยู่เหมือนกัน

สุดท้ายแล้ว สอบได้หรือสอบผ่านในบทบาท ก็ขึ้นกับเสียงมหาชนเป็นสำคัญ

แต่นักการเมืองยากกว่า ตรงที่มี “กกต.” กับสูตรนับพิสดาร เป็นด่านสำคัญ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image