แดดเดียว : เดินเครื่องเรือแป๊ะ

เชื่อว่าชาวเราคงไม่พลาดการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา

เป็นการประชุมสองสภา แบ่งเป็นสองฝ่าย

ฝ่ายแรก ได้แก่ ฝั่งรัฐบาล ส.ส. 19 พรรค 200 กว่าคน รวมกับวุฒิสภา 250 คน กับฝั่งของฝ่ายค้าน 200 กว่าคน จาก 7 พรรค

ไฮไลต์ที่ทุกคนรอคอย คือ การที่นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องไปเผชิญหน้า แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งมี ส.ส.ทั้งสภารวมอยู่ด้วย

Advertisement

ส.ส.หลายคนเคยอยู่ในสภายุคการเมืองวุ่นวาย จนต้องยุบสภาไปเมื่อปลายปี 2556 ก่อนเกิดรัฐประหาร 2557

การโคจรมาเจอกันในเวทีเป็นกลาง ในสายตาของสังคมแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่จับตาไม่ได้

แล้วผลก็เป็นอย่างที่คาดหมาย จะมากไปน้อยไป ก็แล้วแต่การคาดคิดของแต่ละคน

ปกติ นายกฯจะพูดในองค์กรต่างๆ ของแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งรวมถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มาจากการแต่งตั้ง

นายกฯพูดไปยาวๆ คนอื่นๆ มีหน้าที่ฟังไปยาวๆ หัวเราะเฮฮากันไป ไม่ค่อยจะได้เห็นว่า เกิดการโต้แย้งถกเถียง

ขณะที่บรรยากาศของบ้านเมืองที่ผ่านมา 5 ปี ไม่มีการตรวจสอบ ใครเคลื่อนไหววิจารณ์รัฐบาล จะมีแขกพิเศษบุกไปเยี่ยมถึงบ้านทันที

แต่เมื่อการเมืองเปลี่ยนไป มีรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองเข้ามาร่วม และมีฝ่ายค้าน

การตรวจสอบเกิดขึ้น ด้วยเสียงวิจารณ์จากสังคม ด้วยการทำหน้าที่ของสภา

การแถลงนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ คงผ่านหูผ่านตาไปแล้วว่า เกิดรายการประท้วงพอหอมปากหอมคอ

นายกฯตู่ เข้าสภาไปด้วยความกระฉับกระเฉง คงทำการบ้านมาเป็นอย่างดี

ลีลาการแถลง นายกฯพยายามแสดงความเป็นกันเอง แต่ระยะแรกๆ น้ำเสียงยังขึงขังมากเกินไป

จนเกิดการประท้วง ต้องปรับแต่งลดความดุดันลงมา

นอกจากลีลาท่าทีแล้ว ในเรื่องของสาระก็มีความสำคัญ อาจจะยิ่งกว่าด้วย เพราะการแถลงนโยบายของรัฐบาล มีผลระยะยาว ผูกพันทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน

รัฐบาลต้องทำตามที่แถลงไว้ ส่วนฝ่ายค้าน มีหน้าที่ตรวจสอบว่า รัฐบาลทำตามที่แถลงไว้หรือไม่

คำแถลงต่อรัฐสภาของรัฐบาล ทำเป็นเล่มออกมาก่อน แล้วมาแถลง พูดง่ายๆ ว่า นายกฯ ต้องอ่านให้ครบถ้วน เพื่อบันทึกไว้ในรัฐสภา เพื่อฝ่ายค้านจะได้ตามตรวจสอบได้ถูก

ถ้านายกฯ อ่านข้ามไปข้ามมาไม่เหมือนในเล่ม สาระที่บันทึกไว้ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ความผูกมัดที่จะต้องปฏิบัติของนายกฯ ก็ลดน้อยลง

จึงเกิดการทักท้วงให้นายกฯ พูดให้ครบๆ ไว้ก่อน

เรียกว่า ไม่ยอมให้ประชาชนขาดทุน

อาจารย์วันนอร์ หรือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา

หัวหน้าพรรคประชาชาติ ปีนี้อายุอยู่ในระดับอาวุโสแถวหน้าๆ ของสภาไทย

ความคมคายจากสมัยเป็น ส.ส.หนุ่มพรรคกิจสังคม แล้วมาเป็นประธานรัฐสภา อันเป็นตำแหน่งประมุขของ 1 ในสามอำนาจอธิปไตย คงจะทำให้เกิดการตกผลึก

ในการแถลงนโยบาย นอกจากทักท้วงความเหมาะสมของผู้ดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง อาจารย์วันนอร์ยังกล่าวประเด็นสำคัญ และเป็นการเปิดเผยข้อมูลสำคัญ

อาจารย์วันนอร์กล่าวถึงนโยบายรัฐบาล ที่นายกฯ บอกว่ายึดมั่นในการปกครองประชาธิปไตย

อาจารย์วันนอร์บอกว่าไม่เชื่อ เพราะนายกฯ เคยทำรัฐประหารล้มประชาธิปไตยเมื่อปี 2557

ในวันนั้น อาจารย์วันนอร์หยิบยกเอาเรื่องราวเมื่อปี 2557 ว่า การยึดอำนาจในวันนั้น อาจารย์ก็อยู่ในเหตุการณ์

เมื่อตกลงกันไม่ได้ ผมขอยึดอำนาจประเทศไทย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้น

ในวันนั้น ท่านชี้หน้าพวกผมว่า ใครอย่าคิดสู้ท่าน ถึงจะสู้ก็สู้ผมไม่ได้

อาจารย์วันนอร์กล่าวว่า แล้วยังมีคำสุดท้ายที่ท่านนายกฯ พูดเอาไว้ในวันที่ยึดอำนาจ ตนเองจำได้แม่น และอยากจะถามท่านว่า เป็นความจริงหรือไม่

คำสุดท้าย ท่านนายกฯ กล่าวในวันนั้นว่า ใครอย่าคิดสู้ท่าน ถึงสู้ก็สู้ผมไม่ได้ เพราะผมเตรียมการเรื่องนี้มา 3 ปีกว่า

ขอนำมาถามวันนี้ เตรียมมา 3 ปีก็ประมาณปี 2555 เรียกว่าเตรียมการตั้งแต่หลังเลือกตั้ง 2554

แล้วมาอ้างว่า ยึดอำนาจเพราะบ้านเมืองวุ่นวาย

อยากจะถามว่า แล้วความวุ่นวายก่อนยึดอำนาจ เกิดขึ้นเพื่อให้สอดรับกับการเตรียมการหรือไม่

จนเกิดการโต้แย้งกับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่พยายามทักท้วงว่าเอาเรื่องเก่ามาพูด

เรื่องการเตรียมการมาก่อน 3 ปี คงจะเป็นประเด็นพูดจากันต่อไปเรื่อยๆ

กองเชียร์ก็คงจะอวยชัยให้พรกันต่อไป ส่วนฝ่ายที่ไม่เอารัฐประหาร ก็จะเห็นภาพเบื้องหน้าเบื้องหลังของเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 ชัดเจนมากขึ้น

เรื่องของนายกฯ กับรัฐประหาร 2557 กลายเป็นหัวข้อสำคัญในวันแถลงนโยบาย

ในวันนั้น มี ส.ส.รัฐบาลจากภาคใต้คนหนึ่ง ตอบโต้ฝ่ายค้านว่า การที่นายกฯ เข้ามาทำรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 เป็นการเข้ามาแก้ปัญหา เพราะบ้านเมืองเกิดวิกฤต

ก็ไม่รู้ว่า การสนับสนุนกันแบบนั้น ในวงประชุมที่มีส.ส.ร่วมอยู่ด้วยแบบนั้น เป็นการช่วยบิ๊กตู่ หรือเป็นการซ้ำเติม

เพราะเมื่อไปโยงกับการเตรียมการ 3 ปี ก็จะทำให้เกิดข้อสงสัยต่อไปอีก

ว่าเอาเข้าจริงๆ วิกฤตปี 2557 นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการที่ว่าด้วยหรือไม่

เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของการเมือง หรือจัดฉากกันขึ้นมา เพื่อเป้าหมายทางการเมืองบางอย่าง

เรือเหล็กของแป๊ะเริ่มออกเดินทาง ยังไม่ทันพ้นอ่าวไทยยังขนาดนี้

ถ้าไปถึงทะเลใหญ่จะขนาดไหน ?!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image