ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | บางกอกเกี้ยน [email protected] |
เผยแพร่ |
ใช่แล้ว ผู้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดให้ฟัง เขียนให้อ่านแจ้งว่า “ในห้องคลอดผมคือชายที่ถือกรรไกร” แม้ไม่ได้บอกว่าเป็นสูติแพทย์ คือหมอทำคลอด ก็น่าจะไม่ผิดพลาดหากบอกเช่นนั้น
คุณหมอเล่าต่อไปว่า
คุณอาจรู้สึกว่าผมคิดมากเกินไป แต่คุณรู้อะไรมั้ย กรรไกรในมือของผมกำลังจะเปลี่ยนชีวิตที่ปลายทั้งสองของสายสะดือ
วินาทีที่ผมกดคมกรรไกร นั่นคือวินาทีแรกที่สองชีวิตต้องแยกจากกัน
หลังจากนั้น ทารกน้อยจะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะหายใจด้วยปอดของเขาเอง เรียนรู้ที่จะกินได้ด้วยปากของเขา ขับถ่ายได้เองด้วยระบบขับถ่ายของเขา เขาจะค่อยๆ เติบใหญ่ มีความคิด มีการรับรู้ และมีการสร้าง
ความเข้าใจโลกของตัวเองขึ้นมา
เขาจะเริ่มงอแงเมื่อบางอย่างไม่ได้อย่างใจ เขาจะเริ่มหงุดหงิดเมื่อ
คิดว่าไม่มีใครเข้าใจเขา
เขาจะเริ่มพูดว่า “แม่ไม่เคยเข้าใจผมหรอก” เขาเริ่มจะบอกว่า “แม่ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน” และวันหนึ่งเมื่อเขาเติบโตขึ้นมาจนถึงวัย เขาก็จะจากแม่ของเขาไป
ด้วยเหตุผลที่ว่า “ผมอยากมีชีวิตของตัวเอง”
มาคิดๆ ดู ทั้งหมดนี้อาจเริ่มจากวินาทีที่คมกรรไกรถูกกดลงไปบนสายสะดือ จากกรรไกร สองชีวิตจึงจากกันไกล
เมื่อชีวิตหนึ่งสามารถดำรงชีวิตด้วยตนเองได้ สายสัมพันธ์จึงไม่ใช่สายสำคัญอีกต่อไป มันกลายเป็นสายที่ไร้ประโยชน์ กลายเป็นสายที่ไร้ความหมาย กลายเป็นสายที่เกินไป
กลายเป็นสายเกินไป…
สิ่งที่ผมทำไม่ใช่แค่การตัดสายสะดือ
คุณอาจรู้สึกว่า ผมโทษตัวเองเกินไป แต่คุณรู้อะไรมั้ย คนอย่างผมนี่แหละที่เป็นคนทำลายหลักฐานว่าแม่และทารกเคยเป็นหนึ่งชีวิตเดียวกัน
แน่นอน ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น แต่โลกภายนอกไม่ได้ต้องการให้สายสะดือเหมือนโลกในครรภ์มารดา และด้วยเหตุนั้น แพทย์อย่างผมจึงมีหน้าที่ต้องกำจัดมันไป
โดยทั่วไปผมจะตัดสายสะดือให้เหลือตอสั้นๆ ประมาณ 2 เซนติเมตร จากหน้าท้องของทารก ตอนี้จะค่อยๆ แห้ง และหลุดไปไม่กี่วันหลังจากนั้น สายสะดือส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปกำจัดพร้อมกับเศษเนื้อเยื่อและชิ้นเนื้ออื่นๆ ของโรงพยาบาล
นับจากวันนั้น เรื่องราวของชีวิตก่อนเกิดก็กลายเป็นเพียงอดีตที่สูญหาย เป็นเพียงตำนานที่ไม่มีใครรู้ว่าเคยมีจริง
สายสะดือจึงกลายเป็นเหมือนสาย “ลับ” สายลับที่คอยลักลอบส่งอากาศและอาหาร สายลับที่ทำงานโดยไม่เคยเรียกร้องต้องการอะไร สายลับที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตา
เป็นสาย “เลือด” ที่น้อยคนนักจะตระหนักว่ามันเคยมีอยู่จริงๆ