แดดเดียว : การเมืองใน‘มวย’

อินเตอร์เน็ตช่วยให้ชีวิตไม่เงียบเหงา ออนไลน์กลายเป็นโลกใหม่ใกล้มือ

สร้างโลกส่วนตัวได้ เพียงแต่มีสมาร์ทโฟน 1 ตัว ซื้อแพคเกจ หรือติดตั้ง wifi ที่บ้าน หรือไปหาร้านกาแฟ wifi ฟรี เท่านี้ก็ได้เฉิดฉายไปในสังคมไซเบอร์

ส่องคนโน้น ไปเมนต์ในนี้ กดไลค์คนนั้น โพสต์เฟซบุ๊ก ไอจี เล่นทวิตเตอร์ดูกระแสสังคมซะหน่อย

มีสูตรยาผีบอกให้ส่งต่อ มีผู้ตั้งตัวเป็นกูรูมาวิเคราะห์สารพัดเรื่อง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง เบื้องหน้าเบื้องหลัง ไปถึงเรื่องฮ่องกง มั่วไปมั่วมาดูน่าเชื่อถือ กดฟอร์เวิร์ด ส่งต่อแบบเป็นพวงไปให้ป้าๆ กลุ่มโน้น ลุงๆ กลุ่มนี้

Advertisement

เท่านี้เวลาหมดวันไม่รู้ตัว

เงยหน้าจากโทรศัพท์ ดูทีวีบ้างก็ได้ รายการไหนดังไม่ดัง เช็กกระแสได้จากโทรศัพท์นั่นแหละ

รายการหน้ากากร้องเพลงจืดๆ ไปเยอะแล้ว แข่งร้องเพลงก็งั้นๆ กิ๊กดู๋ไม่ค่อยมีประเด็นให้มีส่วนร่วม รายการตลก รุ่นใหม่ๆ มุขร้ายกาจ สนุกโหดๆ แต่รายการตลกรุ่นเก่า ก็ตลกดี แต่ตัวตนเยอะเกิน บางทีก็ออกหื่นมากเกินไป

Advertisement

หลายจันทร์ที่ผ่านมาทีวีมีรายการ 10 fight 10 เอาดารามาชกมวย ตอบกระแสสังคมชอบคนรูปหล่อ หน้าใส รักสุขภาพ ดูแลตัวเอง ร่างกายมีกล้าม หัดมวยอีกนิดก็ดูเป็นลูกผู้ชายรักการต่อสู้

สนุกไม่เบาเหมือนกัน ชกกันวืดวาดขำๆ แต่คราวก่อน ชกกันถึงไตวายเพราะลดน้ำหนักเยอะเกิน

ล่าสุดจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าขุน ลูกชายดาราดัง ชกกับดาราอีกคน ที่ปกติ คนที่ไม่ได้ติดตามข่าวจะไม่ค่อยรู้จัก

ถ้าว่าถึงชื่อชั้น เจ้าขุนมีชื่อเสียงมาแต่เด็ก เพราะเป็นลูกชายของเจ นักร้องนักแสดงชื่อดัง

ขอพูดถึงบ้านนี้นิดหนึ่ง ครอบครัวนี้ดังมาตั้งแต่รุ่นปู่ เป็นนักแบดมือระดับโลก เป็นรองแชมป์ออลอิงแลนด์ ยุคทศวรรษ 60

นอกจากแบดมินตัน ยังมีเกียรติประวัติชนะเลิศ หรือเป็นรองแชมป์อีกหลายรายการ เรียกว่าดังในระดับโลก

เลิกจากแบด ก้าวหน้าในธุรกิจการงาน แม้ว่าระยะหลังจะไปมีเรื่องราวในวงการบริหารกีฬาแบดมินตัน

คนอายุ 50-60 จะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะมีคนเขียนประวัติลงในนิตยสารกีฬาสมัยก่อน กีฬารีวิว หรือกีฬาปรีวิว แล้วภายหลังมารวมเล่ม

ลูกชายลูกสาว เป็นดาราแทบทั้งบ้าน เพราะหน้าตาดี สมาร์ท ส่วนมากเอาดีทางร้องเพลง มีแฟนคลับมากมาย

คนที่ติดตามมาแต่ต้น ก็พลอยชื่นชอบลูกๆ ของเจริญไปด้วย

เป็นภาพสวยๆ ของครอบครัวที่สมาชิกมีความสามารถครอบครัวหนึ่ง

แต่ก็มาหมดอารมณ์หัวทิ่มกันเป็นแถวๆ ด้วยเรื่องการเมืองนี่แหละ

เรื่องจุดยืนการเมืองของคนดังๆ ในสังคม ที่มาพีกสุดตอนชัตดาวน์ ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แล้วรัฐประหาร แช่เย็นประเทศมา 5 ปี แหกตาตัวเองว่าประเทศรุ่งเรืองสุดสุดนั้น คงไม่ต้องฉายซ้ำ ให้เกลียดขี้หน้ากันอีกรอบ

ที่จริงการเมืองถือเป็นทรรศนะส่วนตัว เป็นจุดยืนอิสระของแต่ละคน ใครจะคิดอย่างไรต้องเคารพกัน แล้วอยู่ร่วมกัน เหมือนในสภาที่คิดคนละอย่าง แต่มาประชุมกัน ภายใต้ข้อบังคับและหลักประชาธิปไตย

แต่ศึกสีในบ้านเราเล่นกันแรงมาก บีบบังคับให้เลือกข้าง บังคับให้เป่านกหวีด เห็นต่างไม่ได้ จะเจอข้อหาหนักๆ ทันที

ขยายความเกลียดชัง ใส่ร้ายป้ายสีกันรุนแรง

ใช้เฟคนิวส์เล่นงานกันสารพัด

เมื่อฝ่ายหนึ่งใส่ร้าย สาดความเกลียดชังใส่ฝ่ายหนึ่ง แล้วนึกหรือว่าอีกฝ่ายจะไม่เกลียดกลับคืน

ยิ่งฝ่ายหนึ่งมีฐานะทางสังคม มีปริญญา 15-16 ใบ เหยียดหยามอีกฝ่ายว่าไม่มีความรู้ เลือกตั้งทีไร เลือกแต่พรรคทักษิณ

ก็ยิ่งเหมือนบังคับให้อีกฝ่ายเกลียดตอบ รอยร้าวที่เกิดขึ้นนี้ นักการเมือง คนดิบคนดีระดับชาติคนไหน อยากจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวบ้างไหม หรือ 2-3 คน ก็ได้

ตอบเลยว่าไม่มี

ถือเป็นรอยร้าวและความขมขื่น ที่ชาติบ้านเมืองต้องมาติดอยู่ตรงนี้ มากองกันอยู่ใต้รัฐธรรมนูญอันแปลกประหลาด

ปกติความขัดแย้งเป็นเรื่องที่ดี ทำให้สังคมหาข้อสรุปใหม่ๆ จากการโต้แย้งกันด้วยเหตุด้วยผล แล้วเดินหน้ากันต่อไป

แต่ความขัดแย้งที่เกินเลย รุนแรงเกินไป ก็ส่งผลอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ มองหน้ากันไม่ติด ขณะที่ชีวิตความเป็นอยู่ลำบากมากขึ้น เพราะพิษเศรษฐกิจ อันเป็นผลจากความขัดแย้งที่ว่านั่นเอง

ในความขัดแย้งที่ว่า ใครยืนอยู่ตรงไหน และทำอะไร ยังเป็นที่จดจำจนทุกวันนี้

เจ้าขุนขึ้นชกมวยด้วยอายุ 16 ปี เจอคู่ชกอายุ 23 ถ้าผ่านการฝึกเข้มข้นแบบมวยไทย อายุ 16 จะได้เปรียบในเรื่องความสดและพละกำลัง แม้ประสบการณ์หรือกระดูกอาจเสียเปรียบก็ตาม

ฟังจากเซียนมวยว่ามา ถ้ายังซ้อมไม่ถึง กระดูกยังไม่แข็ง อาจถูกอีกฝ่ายเคี้ยวได้ง่ายๆ อย่างที่เกิดขึ้น

เจ้าขุนเจอหมัดอัพเปอร์คัตของอีกฝ่ายลงไปนอนในยก 2 กรรมการยุติการชก ก็ถือว่าเซฟๆ ดี สำหรับมวยสมัครเล่นแบบนี้

สิ่งที่ตามมาที่เรียกตามภาษาชาวเน็ตว่า “ดราม่า” มีเยอะแยะไปหมด

หาดูได้จากคลิปย้อนหลังทั่วไป เจ้าขุนดูตื่นเต้นมากๆ วิ่งไปตรงนั้นตรงนี้ ท่ามกลางบรรยากาศแสงเสียงที่อัดกันเต็มๆ

ก็เลยมีทั้งการไปยกนิ้วกลาง ด่าใส่กองเชียร์อีกฝ่าย ไปแย่งไมค์พิธีกรมาพูดหน้าตาเฉย ซึ่งก็แก้ปัญหาด้วยอารมณ์ขันได้ดีมาก

ไหนยังพี่เลี้ยงของเจ้าขุน ออกมาท้าชกมวย ทำเอาบรรดานักมวยตัวจริงทั้งหลาย ของขึ้นไปตามๆ กัน เกิดการท้าทายว่าจะชกจริงหรือเปล่าล่ะ พร้อมจัดให้

จนพี่เลี้ยงต้องออกมาขอโทษ แน่นอน ด้วยการไลฟ์สตรีมมิ่ง ทั้งโซเซียลมีเดีย

เป็นประเด็นให้ชาวเน็ตเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ต่อได้อีก 2-3 วัน

ที่ชมชอบในแนวทางสมคบคิดหรือ Conspiracy ก็ทุบโต๊ะวิเคราะห์ทันทีว่า ทั้งหมดเป็น “สคริปต์” ที่เขียนมาล่วงหน้า เพื่อสร้างเรตติ้ง เรียกคนดู

แน่นอนว่า เรื่องราวต่างๆ พุ่งกลับไปยังครอบครัวของเจ้าขุน ไปบวกสะสมกับเรื่องราวอื่นๆ ที่สังคมรับรู้เกี่ยวกับครอบครัวนี้

ใครได้อ่าน คงรู้สึกเหนื่อยแทน

เชื่อว่าแฟนคลับที่ให้กำลังใจและชื่นชอบครอบครัวนี้ มีมากพอ และส่งเสียงเชียร์อยู่ใกล้ๆ พอที่จะทำให้เดินต่อไปในหนทางเดิมๆ ของตัวเองได้

แต่เสียงที่เห็นตรงกันข้ามก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

ขึ้นกับว่าในชีวิตของคนเราจะเลือกฟังเสียงจากด้านไหน หรือจะจัดสัดส่วนในการฟังอย่างไร

นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่แฟนคลับอีกไม่น้อย ไม่เห็นเป็นสาระ ไม่อยากเอาอารมณ์ไปซีเรียสด้วย

แต่ชะเง้อคอยาว เปิดโทรมือถือลุ้นการ “ล้างตา” เอามันอย่างเดียว (ฮา)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image