เดินไปในเงาฝัน : กองทัพทหารดินเผา‘จิ๋นซี’เยือนไทย : โดย สาโรจน์ มณีรัตน์

เชื่อแน่ว่านับจากวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2562 เป็นต้นไป จนถึงวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562 ประชาชนคนไทยที่ชอบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จีน โดยเฉพาะเรื่องของ จิ๋นซี ฮ่องเต้ คงจะต้องจดจำนิทรรศการพิเศษเรื่อง “จิ๋นซี ฮ่องเต้ : จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา” อย่างไม่รู้ลืม

เพราะดั่งที่ทุกคนทราบดี ปกติสุสานทหารดินเผาจักรพรรดิจิ๋นซีจะอยู่ที่เมืองซีอาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะฉะนั้น ถ้าใครต้องการจะชมความมหัศจรรย์ของกองทัพทหารดินเผาภายในสุสานจะต้องเดินทางไปชมถึงเมืองซีอานเท่านั้น

ไม่มีหนทางอื่นเลย

ที่สำคัญ การเข้าชมแต่ละครั้งต่างใช้เวลาพอสมควร เพราะนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนแห่กันมาชมอย่างมืดฟ้ามัวดิน หากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือนักท่องเที่ยวชาวไทยเองก็มีไม่น้อยเช่นกัน

Advertisement

ผมเองเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง

และรู้สึกประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้

ทั้งนั้นเพราะก่อนจะไปชมสุสานทหารดินเผาจักรพรรดิจิ๋นซีเมื่อสัก 1 ปีผ่านมา ผมเคยอ่านหนังสือเรื่อง “เจาะเวลาหาจิ๋นซี” ซึ่งมี “หวงอี้” เป็นผู้ประพันธ์ และมี “น.นพรัตน์” เป็นผู้แปลเมื่อหลายสิบปีก่อน

Advertisement

จากนั้นไม่นานหนังสือเรื่องเดียวกันนี้ ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ โดยมีช่อง 3 ซื้อลิขสิทธิ์จากผู้ผลิตของประเทศฮ่องกง เพื่อนำมาเผยแพร่ให้ผู้ชมอีกที

แม้การตีความจะแตกต่างจากบทประพันธ์อยู่บ้าง แต่อรรถรสโดยรวมยังทำให้ละครเรื่อง “เจาะเวลาหาจิ๋นซี” ประสบความสำเร็จทั้งในด้านธุรกิจ และผู้ชมเป็นจำนวนมาก

สำคัญไปกว่านั้น ละครเรื่องนี้ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนคิดอยากจะไปเยือนสุสานทหารดินเผาจักรพรรดิจิ๋นซีสักครั้งหนึ่งในชีวิต

ผมเองก็คิดแบบนั้น

จนที่สุดเมื่อปีที่แล้ว ผมจึงมีโอกาสไปเยือนสุสานทหารดินเผาจักรพรรดิ
จิ๋นซี ณ เมืองซีอาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจริงๆ ยิ่งผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับผมครั้งนี้ นอกจากจะมีสื่อมวลชนหลายสำนัก หากยังมี “อาจารย์วรศักดิ์ มหัทธโนบล” ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์จีนร่วมคณะด้วย ก็ยิ่งทำให้เกิดมุมมองความรู้หลายด้านด้วยกัน

“อาจารย์วรศักดิ์” บอกว่าความยิ่งใหญ่ของรัฐฉิน นอกจากจักรพรรดิ
จิ๋นซีแล้ว ยังมีขุนนางคู่คิดอีก 2 คนที่ช่วยทำให้รัฐฉินเข้มแข็งคือ “เว่ยเหลียว” และ “หลี่ซือ”

เพราะทั้ง 2 คนนี้ไม่เพียงทำให้รัฐฉินสามารถรวมแผ่นดินจีนได้ หากทั้ง 2 คนนี้ยังมีส่วนในการวางรากฐานของประเทศ ยิ่งเฉพาะในเรื่องของการสร้างความเป็นเอกภาพให้กับประเทศ 3 เรื่องด้วยกันคือ

หนึ่ง การปฏิวัติเงินตราให้หันมาใช้สกุลเดียวกัน
สอง ถนนทุกสายต้องมุ่งสู่รัฐฉิน
สาม ยุบรวมพยัญชนะที่มีมากมายกว่าหมื่นๆ คำ ให้หันมาใช้ภาษาของรัฐฉินเป็นภาษาเดียว

กล่าวกันว่า แนวความคิดของเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งเกือบ 3,000 ปีแต่จักรพรรดิจิ๋นซีกลับมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก จนทำให้เขาสามารถสร้างอาณาจักรรัฐฉินจนยิ่งใหญ่

แต่กระนั้น ในมุมตรงข้าม “อาจารย์วรศักดิ์” ก็มองว่าการก้าวขึ้นมาของจักรพรรดิจิ๋นซีเขาก็ฆ่าผู้คนไปมากมาย โดยเฉพาะพ่อบุญธรรม
(หลี่ว์ปู้เว่ย) และพระอนุชาทั้งสองพระองค์ ทั้งยังจองจำพระมารดาของเขา (ไทเฮาจ้าวจี) ให้อยู่ในตำหนักเย็น

ผลเช่นนี้ จึงทำให้จิ๋นซีฮ่องเต้เริ่มคิดถึงการมีชีวิตอยู่อย่างอมตะ เพราะไปเชื่อนักพรตคนหนึ่ง จนที่สุด เขาจึงเริ่มสร้างสุสานทหารดินเผา และสุสานจิ๋นซีตั้งแต่ยังหนุ่มๆ

ทั้งยังให้นักพรตคนนั้นไปหายาอายุวัฒนะมาให้เสวยเพื่อจะได้มีชีวิตยืนยาว

แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

เพราะตลอดระยะเวลา 30 ปี จักรพรรดิจิ๋นซีดำเนินภารกิจในการสร้างพระราชวังใต้ดิน (สุสานจิ๋นซีที่ยังไม่มีการขุดค้น) และสุสานทหารดินเผาทั้งหมด 18 หลุม

พร้อมกับสร้างกำแพงเมืองจีน ด้วยการเกณฑ์แรงงานทาสมาสร้าง โดยมองแต่เป้าหมาย และความสำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่กลับไม่มีคุณธรรมน้ำมิตรตอบแทน

จนที่สุด ศัตรูทางการเมือง และอาณาประชาราษฎรจึงรวมตัวกันต่อต้าน จนทำให้รัฐฉินค่อยๆ อ่อนแอลง กระทั่งล่มสลายในเวลาต่อมา

แต่กระนั้น จิ๋นซีฮ่องเต้ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ของโลกให้ปรากฏต่อโลกยุคปัจจุบันคือสุสานทหารดินเผา ซึ่งปัจจุบัน มีการขุดค้นเพียง 3 หลุมเท่านั้นคือ

หลุมหมายเลข 1 คือหุ่นดินเผาทหารราบ และรถศึก

หลุมหมายเลข 2 คือหลุมที่ถูกค้นพบจากการสำรวจ โดยใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ่นดินเผาพลทหาร, พลธนู ทหารม้า และแม่ทัพ

หลุมหมายเลข 3 จะมีลักษณะคล้ายรูปตัว U เป็นหลุมที่มีขนาดเล็กที่สุด แต่มีความสำคัญกว่าหลุมหมายเลข 1 และหลุมหมายเลข 2 เพราะเป็นกองบัญชาการรบ เนื่องจากหุ่นดินเผาทุกตัวมีอาวุธครบมือ ทั้งยังเข้าแถวรักษาการณ์ในลักษณะเผชิญหน้ากันทางทิศเหนือกับทิศใต้ข้างละ 2 แถว เพื่อคุ้มกันแม่ทัพทหารคนสำคัญ

ผมไม่ทราบว่านิทรรศการพิเศษเรื่อง “จิ๋นซี ฮ่องเต้ : จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา” นำหุ่นดินเผามาจากหลุมไหนบ้าง

ทราบแต่เพียงว่าความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และภาคเอกชนของไทย กับสำนักงานมรดกทางวัฒนธรรมมณฑลส่านซี,สำนักงานแลกเปลี่ยนวัตถุโบราณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซี และพิพิธภัณฑ์สานจิ๋นซี แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

ด้วยการรวบรวมโบราณวัตถุทั้งหมด 86 รายการ จำนวน 133 ชิ้นจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางมาถึงพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ครบทั้งหมดเมื่อวันที่ 6 กันยายนผ่านมา

แล้วจากนั้นภัณฑารักษ์ เจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร พร้อมด้วยภัณฑารักษ์ และเจ้าหน้าที่จากทางจีนจึงร่วมกันเปิดหีบห่อตรวจสภาพโบราณวัตถุเมื่อวันที่ 7 กันยายนผ่านมา

ทั้งนั้นเพื่อให้ประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีโอกาสสัมผัสกับกองทัพทหารดินเผาของ “จักรพรรดิจิ๋นซี” ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงกลางเดือนธันวาคม 2562

รวมระยะเวลาที่จัดแสดงนิทรรศการประมาณ 3 เดือน

ฉะนั้น ใครที่สนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จีนโบราณ จึงมิควรพลาดด้วยประการใดๆ ทั้งปวง

ไปชมกันให้ได้นะครับ โอกาสอย่างนี้หายากมากจริงๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image