หากตั้งคำถามขึ้นมาว่า “เพราะเหตุใด บุคคลจึงปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความยุติธรรมไม่ได้”
คำตอบจะชัดเจนอยู่ในตัวว่า เพราะจิตใจบุคคลนั้นถูกครอบงำ และขับเคลื่อนด้วย
หนึ่ง ความกระหายใคร่อยาก
สอง ความเคียดแค้น ชิงชัง อาฆาตมาดร้าย
สาม ความมุ่งเบียดเบียนคนอื่น
เมื่อถูกสามสภาวะจิตนี้ นำความคิด และการกระทำ บุคคลผู้นั้นย่อมไร้ความสามารถที่จะให้ความยุติธรรมในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
ในสังคมที่อำนาจ วาสนา ไม่ได้เกิดขึ้น มีอยู่ และรักษาไว้ได้ เพราะบุคคลสร้าง และบำรุงเลี้ยงคุณงามความดีไว้กับจิตใจ
คุณงามความดีในความหมายของสภาวะเปี่ยมเมตตา กรุณา ต่อสังคมส่วนรวม
เป็นวาสนา บารมีที่อำนวยด้วยสภาวะจิตที่กระหายใคร่อยาก หวาดผวาหวั่นความสูญเสียอันแปรเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นชิงชังสิ่งที่คิดว่าจะมากระทบกระเทือน
การกระทำเพื่อรักษา ปกป้องจิตใจที่อ่อนแอ หวาดวิตกเช่นนั้นก็เกิดขึ้น
ก่อกำเนิดชีวิตที่ “เป็นมิตรกับความยุติธรรมไม่ได้”
เพราะจิตใจขับเคลื่อนด้วยความหวั่นหวาดว่า “ความยุติธรรม จะเป็นอุปสรรคให้สิ่งที่กระหายใคร่อยากนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ ไม่ตอบสนองความเคียดแค้น ชิงชัง และเบียดเบียนด้วยหลงว่าความได้เปรียบ ความเหนือกว่าคือเครื่องหมายของการอำนวย คือความสุข”
ทว่าเพราะเป็นไปไม่ได้เลย ที่ “สภาวะจิตที่ไม่เป็นมิตรต่อความยุติธรรม” จะทำให้ใครเป็นสุขได้จริง
ด้วยการอยู่ร่วมกันในสังคมนั้น บรรยากาศของความเข้าอกเข้าใจ มีมิตรไมตรีต่อกันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้เกิดความสงบ อันเป็นความสุขที่แท้จริง
และ “ความยุติธรรม” มีผลต่อ “มิตรไมตรี” อย่างมาก
สังคมที่สมาชิกที่อยู่ร่วมกันสัมผัสไม่ได้ถึง “ความยุติธรรม” หรือสัมผัสถึง “ความอยุติธรรม” อยู่เสมอ อารมณ์ “ไมตรี” หรือ “เมตตา” อันก่อให้เกิดความพร้อมที่จะเข้าอกเข้าใจในกันและกันย่อมเกิดขึ้นไม่ได้
การอยู่ร่วมกันอย่างรู้สึกว่าครอบคลุมด้วย “อยุติธรรม” ย่อมทำให้อารมณ์ของสังคมนั้นห่างไกลจากความสุขสงบ
เมื่อ “อารมณ์ของสังคมอยู่ในสภาพไม่สุขสงบ” เสียแล้ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลต่อจิตใจของทุกคนที่อยู่ร่วมสังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เป็นสังคมที่ผู้คนหวาดระแวงในกันและกัน เกิดจิตใจที่เป็น “อริ” ต่อกันและกัน
“ความไม่เป็นมิตร” อันหมายถึง “ไม่มีไมตรี” นั้น ย่อมส่งผลต่อทุกคน
และที่สุดแล้วเป็นไปไม่ได้เลย ว่าการยอมรับใน “วาสนา บารมี” ของกันและกันจะเกิดขึ้นได้ในสังคมที่ “ไม่เป็นมิตรต่อความยุติธรรม”
ส่งผลให้ “ความกระหายใคร่มี” ไม่ได้รับการสนองตอบ ซึ่งจะก่อให้เกิดความหิวโหยเพราะอาการอยากที่ไม่ได้รับการตอบสนองนั้น
อีกทางหนึ่ง ความเคียดแค้นชิงชัง จะถูกตอบโต้ด้วยสภาวะจิตแบบดียวกัน
ขณะที่ “การปกป้องไม่ให้ตัวเองถูกเบียดเบียนจากความไม่ยุติธรรม” จะเกิดขึ้น
การสร้างจิตใจที่ “ไม่เป็นมิตรต่อความยุติธรรม ให้ครอบงำสังคม” นั้น
ที่สุดแล้ว ไม่มีทางที่ใครจะอยู่อย่างสงบ
อันเป็นความสุขที่แท้จริงได้