แดดเดียว : โลกใบใหม่

เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหน สนทนากับใครก็ตาม จะได้ยินคำปรารภ ประเภทที่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในโลก ในทำนองว่า โลกเราเปลี่ยนไปเยอะ

เป็นคำปรารภที่ไม่ค่อยมีใครขัดคอ ส่วนมากจะเออออ พร้อมกับเสริมต่อด้วยตัวอย่างต่างๆ

บางคนทันสมัย ขยันติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์วิจารณ์ ก็จะมีคำว่า disrupt เข้ามาประกอบบทสนทนาให้เห็นจริงเห็นจังมากขึ้น

โลกเราเปลี่ยนไปมากจริงๆ คำว่าโลกในที่นี้ คือสิ่งต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงเทคโนโลยี

Advertisement

เทคโนโลยี ถือว่าเป็นตัวเอกเลยก็ว่าได้ เพราะเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ระบบออนไลน์ ระบบสื่อสารไร้สายที่มาถึง 4G หรือเจเนอเรชั่นที่ 4 กำลังเข้าสู้ 5G หรือเจเนอเรชั่นที่ 5 ในปีหน้า 2563 นี้แล้ว

บางแห่งเริ่มพูดถึง 6G กันแล้วด้วยซ้ำไป

เทคโนโลยีที่ว่านี้ได้เข้ามาปฏิวัติโลกทั้งใบ ปฏิวัติชีวิตคนทั่วหน้า อย่างต้านทานมิได้ และไม่มีใครอยากต้านทาน เพราะเห็นไปวิ่งหาโทรมือถือรุ่นใหม่ๆ แท็บเล็ต หรือเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ไว้ใช้กันจ้าละหวั่น

อินเตอร์เน็ต และระบบสื่อสารไร้สายที่ก้าวหน้าไม่หยุดหย่อน ทำให้ธุรกิจกิจการหลายอย่างพังพาบไปตามๆ กัน อย่างห้างสรรพสินค้าใหญ่ ยอดตกเป็นทิวแถว เพราะมีการขายทางอินเตอร์เน็ตเกิดขึ้น

เพียงแค่เปิดบัญชีเฟซบุ๊ก แล้วหาสินค้ามาขาย

หาคนขายสาวๆ สวยๆ มาแนะนำสินค้าผ่านทางไลฟ์สตรีมมิ่งของเฟซบุ๊ก

คนขายนอนขายอยู่บ้าน ลูกค้าก็นั่งๆ นอนๆ อยู่บ้าน เปิดสมาร์ทโฟน เสิร์ชหาสินค้าที่ต้องการเท่านี้ ระบบออนไลน์ก็จะจัดการให้คนขายกับคนซื้อได้เจอกันแล้ว

ไม่ต้องแต่งตัวออกจากบ้าน โต้ตอบกันได้ง่าย จะผ่านเฟซบุ๊ก ผ่านไลน์ ก็ทำได้หมด

สินค้าส่งโดยบริการดิลิเวอรี หรือธุรกิจรับส่งสินค้าที่มีให้เลือกหลายแบรนด์

ก็ระวังๆ เลือกบริการที่น่าเชื่อถือ ประวัติดีๆ กันเอาเอง แบรนด์ที่เอาสินค้าเรตเอ็กซ์ของลูกค้ามาเปิดโปง แถมเปิดโลเกชั่นคนสั่งซื้อด้วย นั่นก็ต้องเลี่ยงๆ กันไป

ภาคธุรกิจเปลี่ยนไปมากจริงๆ อีก 2-3 ปี น่าจะมีร้านค้า ห้างร้าน และกิจการบางอย่างต้องเลิกราไปตามสภาพ ปรับตัวเข้าสู่รูปแบบใหม่ๆ

ในภาคสังคมนั่นเห็นชัดมาก ผู้คนรู้จักกันได้ง่ายขึ้น แต่ก็จะชอบหรือเกลียดชังกันได้ง่ายขึ้นอีกเหมือนกัน

อย่างใครที่ไปเผลอก่อเรื่องอื้อฉาว แล้วมีคลิปปรากฏกระจายไปในสื่อออนไลน์ หรือในโซเชียลมีเดีย ไม่นานจะมีคนมาเมนต์ ด่าทอแทบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด

บางครั้งเกิดเข้าใจผิด แต่กว่าจะเคลียร์กันรู้เรื่อง ความคิดเห็น การคอมเมนต์ต่างๆ ก็ไปไกลแล้ว

การแพร่กระจายข้อมูลความรู้ผ่านระบบออนไลน์ ยังทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก

ประเทศไทยอยู่ภายใต้ระบบพิเศษมา 5 ปีเศษๆ ไม่มีสภาจากเลือกตั้ง ไม่มีระบบตรวจสอบหลายๆ อย่างที่ควรจะมี

สิทธิเสรีภาพในการพูด แสดงออกต่างๆ ถูกจำกัดจำเขี่ย ถูกปรับทัศนคติ หรือเจอข้อหา เจอคดีก็มีมากมาย

ตลอดเวลา 5 ปี อย่านึกว่าผู้มีอำนาจนั่งถือดาบอาญาสิทธิ์อยู่อย่างสะดวกสบาย

ผู้มีอำนาจพยายามอธิบายว่า นี่คือประชาธิปไตยแบบไทยๆ เราจะอยู่กันแบบนี้ การเมืองนิ่งๆ จะได้ปฏิรูปประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจให้เติบใหญ่แบบประเทศนั้นประเทศนี้

สื่อสารออกไปแบบนี้ เสียงตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตรงกันข้าม มีแรงกดดันจากต่างประเทศตลอดเวลา ถามเข้ามาต่อเนื่องว่า เมื่อไหร่ไทยแลนด์จะกลับสู่ระบบปกติเหมือนชาวโลกเขาเสียที

หลายประเทศ หลายกลุ่มประเทศ ถือเอาเป็นเงื่อนไขในการที่จะไม่พูดคุยเจรจากับประเทศไทย ด้วยเหตุผลที่การเมืองไทยไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่เหมือนกับที่ชาวโลกเขาใช้กัน

เป็นเหตุให้ต้องเกิดการเลือกตั้ง 24 มี.ค.ขึ้นมา และมีรัฐบาลที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองผสมกับกลุ่มรัฐบาลเก่า มีสภาจากเลือกตั้ง และวุฒิสภา จากการแต่งตั้ง

ถือว่าเป็นการเมืองช่วงเปลี่ยนผ่าน คนเก่ายังอาลัยอาวรณ์อ้อยอิ่ง ไม่อยากร้างลาวางมือจากอำนาจ เลยจัดแจงเขียนกติกา ดีไซน์มาอย่างรอบคอบ สร้างกลไกมาอุ้มตัวเอง ให้ ส.ว.มีเสียงชี้ขาดว่าใครจะเป็นรัฐบาล แล้วดึงเอาพรรคการเมืองเข้ามาร่วม พอให้มีสีสันว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน

กติกาจะรอบคอบรอบด้านอย่างไรก็ตาม แต่พอมีสภาจากเลือกตั้ง มีฝ่ายค้านในสภา เป็นระบบตรวจสอบ ถ่วงดุล รัฐบาลก็หนีไม่พ้นวงจรการเมืองตามมาตรฐานสากล ที่ต้องมีฝ่ายค้าน ต้องโดนตรวจสอบ จะทำอะไรก็ต้องชี้แจง

ชีวิตเปลี่ยนไปตามโลกทันที

การเมืองไทยตอนนี้ ก็เลยเป็นการต่อสู้ระหว่างอำนาจเก่ากับอำนาจที่มาจากประชาชน

กติกาทำให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งต้องเป็นฝ่ายค้าน ส่วนรัฐบาลที่มีแกนนำมาจากพรรคอันดับสอง ต้องอยู่แบบปริ่มๆ น้ำ

พอปริ่มน้ำ เลยต้องตามมาด้วยกระแสเรื่องงูเห่า การล็อบบี้พิเศษ นัดกินข้าวตามร้านดัง ตามโรงแรม ถ่ายรูปกันครึกครื้น

ส.ส.ฝ่ายค้านเนื้อหอมไปตามๆ กัน

เกิดองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ไม่ยอมให้กรรมาธิการเรียกไปชี้แจง ถึงขั้นจะปลดประธานกรรมาธิการกันนั่นเลย

ล่าสุด เกิดสภาล่ม เพราะรัฐบาลโหวตแพ้ในญัตติตั้งกรรมาธิการไปศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44

จะขอนับใหม่ ฝ่ายค้านไม่ยอม พากันวอล์กเอาต์ ประชุมใหม่ก็ล่มอีก

ในโลกใบใหม่ ทุกคนเห็นกันหมด ทั้งโดยตรงและผ่านเทคโนโลยี

ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ก็เรื่องหนึ่ง ระวังชาวบ้านวอล์กเอาต์ไม่เอาขึ้นมาเมื่อไหร่ จะยุ่งกันไปใหญ่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image