ที่มา | มติชนรายวัน 28 พ.ย. 62 หน้า 13 |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
เจ้าจงสร้างศาสนสถาน ณ ที่แห่งนี้
คงเป็นถ้อยคำประมาณนี้ที่เกิดขึ้นในความฝันของนักบุญโอแบร์ บิชอป แห่งมาฟร็องช์ เมื่อราวศตวรรษที่ 7
ในความฝันของนักบุญโอแบร์นั้น ได้เห็น เซนต์ไมเคิล ผู้บัญชาการกองทัพเหล่าเทพปรากฏตัวขึ้น และบอกให้สร้างศาสนสถานไว้ ณ เกาะหินแห่งหนึ่งที่แยกจากแผ่นดินใหญ่ มีแม่น้ำคั่น
เกาะหินแห่งนั้นปัจจุบันอยู่ในนอร์มังดี ห่างจากชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส ประมาณ 0.6 ไมล์ ที่ปากแม่น้ำโคแอสนอนใกล้เมือง อาฟแรนเชส มีพื้นที่ 17 เอเคอร์ ซึ่งถ้ารวมแผ่นดินใหญ่อีก 971 เอเคอร์แล้วจะมีพื้นที่ทั้งหมด 988 เอเคอร์
ความฝันของนักบุญโอแบร์ เกี่ยวกับคำสั่งจากเซนต์ไมเคิลที่ให้สร้างศาสนสถาน ณ บนเกาะแห่งนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หากแต่ได้เกิดขึ้น 3 ครั้ง
ความฝันครั้งที่ 3 เซนต์ไมเคิลได้ชี้นิ้วมาตรงหน้าผากของนักบุญโอแบร์ด้วย
พอนักบุญโอแบร์ตื่นขึ้น ที่หน้าผากปรากฏเป็นรอยจิ้ม ตอกย้ำให้นักบุญโอแบร์เชื่อถือ และเริ่มต้นก่อสร้างวิหารมองต์แซงมิเชล
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของวิหารอันมีชื่อเสียงแห่งนี้
ปัจจุบันวิหารมอนต์แซงมิเชลกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์แห่งหนึ่ง โดยยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียน
วิหารมองต์แซงมิเชลเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม เมื่อปี ค.ศ.1979
ขณะนี้ มองต์แซงมิเชล เป็นแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงที่สุดที่อยู่นอกปารีสของฝรั่งเศส
เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางไปเยี่ยมเยือน
เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2562 นายโทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการบริษัทตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และ นางปนัดดา เจณณวาสิน กรรมการรองผู้จัดการฯ นำคณะสื่อมวลชนจากเมืองไทยบินลัดฟ้าไปประเทศฝรั่งเศส เพื่อรับฟังความก้าวหน้าการจัดจำหน่ายรถบรรทุกอีซูซุ และรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ ในประเทศฝรั่งเศส รวมถึงสถานการณ์ตลาดรถยนต์ในยุโรป
การเดินทางไปฝรั่งเศสครั้งนี้ ทางคณะมีโอกาสไปเยือนวิหารมองต์แซงมิเชล
ชาวคณะเดินทางด้วยรถบัสจากปารีสใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง และมาพักอยู่ที่เมืองเซนต์มาโล 1 คืน รุ่งขึ้นจึงเดินทางตรงมายังวิหารมองต์แซงมิเชลแห่งนี้
วิหารมองต์แซงมิเชลถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นมาโดยการขนเอาก้อนหินแกรนิตขึ้นไปก่อสร้าง
จากฐานรากค่อยๆ ก่อตัวสูงขึ้น และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
วิธีการลำเลียงก้อนหินขึ้นไปก่อสร้าง เขาใช้กงล้อขนาดใหญ่ ภายในกงล้อมีชายฉกรรจ์ 6 คนเดินอยู่
ภายในเหมือนกับหนูปั่นด้าย
เมื่อชายทั้ง 6 ก้าวเดินในกงล้อ กงล้อจะหมุนและทำตัวเป็นลูกรอกยกเอาก้อนหินที่มีขนาดใหญ่ขึ้นไปข้างบนเขา
วิหารดังกล่าวเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียง นักบวชชาวคริสตจักรต่างเดินทางมาจากทุกสารทิศเพื่อประกอบศาสนกิจ ณ ที่แห่งนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ
กระทั่งถึงปัจจุบัน วิหารทั้งหลังยังคงสง่างาม สงบ สวยงาม
สร้างความขลังและความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นแก่ผู้มาเยือน
การเดินทางจากเมืองเซนต์มาโลมายังวิหารมองต์แซงมิเชลใช้เวลาไม่นานนัก ภาพวิหารอันใหญ่โตปรากฏแก่สายตาของทุกผู้คนมาตั้งแต่ไกล
เมื่อรถบัสเข้าจุดจอด ผู้โดยสารทุกคนต่างทยอยเดินลงมาจากรถเพื่อนั่งรถบริการที่จะนำไปสู่เกาะ ก่อนจะขึ้นเขาวิหารมองต์แซงมิเชล
ณ จุดนี้ ทำให้สัมผัสได้ถึงแรงศรัทธาในสมัยโบราณนั่นเพราะระหว่างผืนแผ่นดินกับเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารนั้นอยู่ห่างกันพอสมควร
ลองจินตนาการกลับไปในอดีต นึกย้อนไปตอนที่ยังไม่มีสะพานที่ทอดไปสู่เกาะ และพื้นที่โดยรอบเกาะยังมีน้ำท่วมถึง
แค่นี้ก็พอจะเข้าใจถึงความยากลำบากในการขนหินแกรนิตมาก่อสร้างเป็นวิหาร
ยิ่งมองขึ้นไปบนเกาะ แหงนคอชันมองยอดวิหาร ยิ่งรู้สึกถึงความยากลำบากในการก่อสร้าง
แต่พวกเขาเหล่านั้นก็สามารถทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย
เมื่อข้ามสะพานเข้าสู่เกาะ ด้านหน้าคือประตูใหญ่ เดินผ่านประตูไปจะพบกับร้านค้า หนึ่งในร้านชื่อดัง คือ ภัตตาคารลาแมร์ ปูลาร์ด ที่นั่นมี ไข่เจียวจานใหญ่ เป็นไข่เจียวที่ปรุงบนเตาฟืนขนาดใหญ่ ทำให้ไข่เจียวนุ่มฟู
เป็นสูตรลับของลาแมร์ ปูลาร์ด ที่รักษาไว้มายาวนานถึง 130 ปี
จากตีนเขาจะมีทางเดินไต่ระดับความสูง จากทางลาดเป็นบันได นักท่องเที่ยวต้องต่อสู้กับแรงดึงดูดของโลกในการเดินขึ้นทางชันไปสักระยะหนึ่ง
ตามข้อมูลของวิหารมองต์แซงมิเชลที่ปรากฏระบุว่า ตั้งอยู่บนเกาะที่มีเส้นรอบวง 960 เมตร มีความสูงรวมกับความสูงของตัววิหาร 155 เมตร ดังนั้น กว่าจะเดินขึ้นไปถึงวิหารก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ
แม้จะหอบแฮกๆ แต่เมื่อสามารถปีนขึ้นไปถึงทางเข้าวิหาร ความงามของทิวทัศน์ที่ปรากฏได้ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยหายไป
โชคดีที่วันนั้นฝนไม่ตก อากาศเปิด แม้ช่วงนั้นฝรั่งเศสเต็มไปด้วยฝน อุณหภูมิเลขตัวเดียว ขณะที่ความรู้สึกหนาวยะเยือกยิ่งกว่าตัวเลขของอุณหภูมิ เพราะลม
ที่กระทบผิว ผนวกกับฝนที่โปรยลงมา
แม้ว่าระบบพยากรณ์อากาศในมือถือระบุว่า วันนั้นจะมีฝนตก จะมีลมหนาว แต่เมื่อชาวคณะไปถึงวิหารกลับไม่ปรากฏว่าฝนตกแต่อย่างใด
ทุกอย่างเป็นใจให้ขึ้นไปสักการะวิหารแห่งนี้
ทราบมาว่า ก่อนเดินทางจากไทยมาฝรั่งเศส นางปนัดดาได้กราบไหว้ขอพระจากพระภูมิที่บริษัทตรีเพชรฯ กรุงเทพฯ ขอให้ทุกคนปลอดภัย ภารกิจปลอดโปร่ง
ทุกอย่างเป็นไปตามประสงค์
ย้อนกลับไปสู่อดีต วิหารมองต์แซงมิเชลแห่งนี้ คือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความประสงค์ของ
เซนต์ไมเคิล นักบวชชาวคริสต์ทั่วสารทิศต่างมุ่งหน้า
มาแสวงบุญ เช่นเดียวกับชาวคริสต์ที่เคร่งในศาสนาที่เดินทางมา ณ ที่นั่นด้วยแรงศรัทธา
ในสมัยนั้นการเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก การข้ามไปยังเกาะต้องฝ่ากระแสน้ำที่ขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายชีวิตไปไม่ถึงเกาะและวิหาร
ต่อมาปากแม่น้ำโคแอสนอนเริ่มตกตะกอนและเกิดความตื้นเขินกระทั่งคนสามารถเดินได้ จึงเกิดทางเชื่อมโยงกับแผ่นดิน กระทั่งปี ค.ศ.2006 ฝรั่งเศสสร้างเขื่อนควบคุมกระแสน้ำ พร้อมรื้อทางเชื่อมและสร้างสะพานข้ามขึ้นมาแทน
สะพานดังกล่าวเปิดใช้เมื่อปี ค.ศ.2014 และจากเดิมที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัสเข้าไปจนถึงเกาะ
แต่ปัจจุบันรถบัสนักท่องเที่ยวต้องจอดอยู่ในที่จุดจอด แล้วนั่งรถชัตเทิลบัสรับส่งฟรีเข้าไปยังเกาะ
ในที่สุดวิหารมองต์แซงมิเชลก็อยู่เบื้องหน้า มีบันไดสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงโบสถ์ ด้านในโบสถ์โล่ง มีที่นั่ง ก่อสร้างในช่วงศตวรรษที่ 11 ยึดสถาปัตยกรรมแบบ
โรมาเนสก์ (Romanesque) ในการสร้าง สถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์นี้เป็นสถาปัตยกรรมยุคก่อนโกธิค
เมื่อเดินลึกเข้าไปในโถงโบสถ์ ตรงไปยังแท่นพิธีทางศาสนา ที่นั่นจะพบกับสถาปัตยกรรมแบบโกธิคสไตล์ Flamboyant
จากตรงนี้เมื่อกลับหลังหัน จะเห็นประตูทางออกสู่ระเบียง เมื่อก้าวไปถึงระเบียงกว้างกลางแจ้ง สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามจากตรงนั้น ที่นั่นมีนักท่องเที่ยวไปถ่ายภาพกันมาก
วันนั้นมีนกอยู่ตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกำแพงไม่ไปไหน
นกตัวนั้นจึงกลายเป็นดาราที่นักท่องเที่ยวสลับกันย่องเข้าไปบันทึกภาพเอาไว้อย่างปลาบปลื้ม
ย้อนเดินกลับมาในโบสถ์อีกครั้ง พบว่าด้านข้างมีระเบียงคด หรือวิหารคด (Cloister) หญ้าสีเขียวขจีตัดกับสีของหินแกรนิตแลดูสบายตา
หลังจากนั้นหากเดินต่อไปจะพบทางเดินที่ลงสู่ด้านล่างของวิหาร ผ่านห้องโถงใหญ่น้อย สะท้อนให้เห็นความใหญ่โตของวิหารแห่งนี้
ห้องโถงต่างๆ มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขก ห้องนอน ห้องเก็บศพ ห้องครัว และอื่นๆ อีกมาก
ระหว่างเดินได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมยุคก่อน มีระเบียงทางเดินที่สร้างขึ้นแบบโรมาเนสก์ และยังได้มองเห็นกงล้อใหญ่ที่คนยุคนั้นใช้เป็นเครื่องมือลำเลียงก้อนหินขึ้นมาก่อสร้างวิหาร
แต่ทั้งหมดนี้ รู้สึกว่าห้องโถงโบสถ์แบบโรมาเนสก์ที่เป็นห้องแรกนั่นแหละ ถูกใจที่สุด
ใครที่มีโอกาสได้ขึ้นสู่วิหาร อย่าลืมเดินไปที่หน้าแท่นแล้วสำรวมจิต อธิษฐานขอพร
เมื่อเดินตามเส้นทางที่เจ้าหน้าที่กำหนด เราจะมาโผล่ออกมาตรงบริเวณที่ซื้อตั๋วก่อนเข้าชมในตอนแรก
เดินออกมาพร้อมกับความประทับใจในสิ่งที่พบเห็น
ณ ตรงนั้นมีรูปปั้นใหญ่สีขาว คงเป็นรูปปั้นของเซนต์ไมเคิลผู้สั่งการให้นักบุญโอแบร์สร้างวิหารแห่งนี้
ตอนเดินทางกลับออกมาและขึ้นรถบัสก่อนลาจาก นักท่องเที่ยวหลายคนอดเหลียวไปมองวิหารแห่งนี้อีกครั้งไม่ได้
วิหารมองต์แซงมิเชลที่แลดูสงบ สง่า สวยงาม
สมกับเป็นวิหารที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและเหมาะกับการเดินทางไปเยือนนี้ช่างมีเสน่ห์
มองแล้วมองอีกก็ไม่รู้จักเบื่อ เพราะองค์ประกอบ ทุกๆ อย่างที่ปรากฏนั้นลงตัวจริงๆ