คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง : Lorena, Light-Footed Woman กระโปรงบาน-รองเท้าแตะ… นักวิ่งอัลตรามาราธอนแห่งเม็กซิโก

ภาพของหญิงสาววัย 22 ปี จากชุมชนพื้นเมือง “ตาราอูมารา” ในประเทศเม็กซิโก “ลอเรน่า รามิเรซ” กำลังวิ่งแข่งขัน “อัลตรามาราธอน” ระยะทาง 100 กิโลเมตร ดูจะเป็นภาพที่ค้านสายตาตามมาตรฐานนักวิ่งทั่วไป เพราะเธอสวมชุดกระโปรงบานฟูฟ่องยาวลงมาถึงครึ่งหน้าแข้ง กับรองเท้าแตะรัดส้นแบบทรงสานทำจากยาง เปิดเปลือยให้เห็นนิ้วเท้า

แม้จะมีเทรนด์ของนักวิ่ง “เท้าเปล่า” เกิดขึ้นมาหลายปีจนรู้จักกันแพร่หลาย แต่กรณี “ลอเรน่า” ก็ยังดูแตกต่างออกไป ทั้งการแต่งกายด้วยกระโปรงและรองเท้าแตะธรรมดาเพื่อวิ่งแข่งระยะทางนับร้อยกิโลเมตร ก็ชวนให้ใครต่อใครต่างต้องพิศวง ปนอัศจรรย์ใจว่าเธอลงแข่งวิ่งโดยไม่พึ่งพิงอุปกรณ์ทางด้านการกีฬาใดๆ ไม่มีนาฬิกาสมาร์ท วอทช์ ไม่ต้องใช้รองเท้ากีฬาที่มีเทคโนโลยีรองรับการวิ่งที่มีคุณภาพ และหากการวิ่งล่วงเลยจนพระอาทิตย์ตกดินก็ไม่มีแม้แต่การติดไฟฉายนำทาง จะมีบ้างเพียงมือที่ถือกิ่งไม้ยาวที่เก็บได้จากข้างทางไว้คอยช่วยพยุงกายช่วงเข้าสู่จังหวะการผ่อนเดิน กระทั่งวันนี้ที่เธอมีชื่อเสียงระดับประเทศแล้วก็ไม่ขอรับการสนับสนุนจากแบรนด์ใด

ดูเหมือนหญิงสาวจากชุมชนพื้นเมืองในเม็กซิโกได้ท้าทายทุกสิ่งอย่างในโลกแห่งการวิ่ง ราวกับว่าทุกย่างก้าวดำเนินไปตาม “สัญชาตญาณ” ของเธอเองเท่านั้น

Advertisement

มองเผินๆ การวิ่งด้วยรองเท้าแตะนั้นอาจทำได้ แต่สำหรับการวิ่งระดับอัลตรามาราธอนที่ระยะทางเหยียบร้อยกิโลเมตรนั้น รองเท้าแตะที่ทำจากยาง ไม่ช่วยให้วิ่งได้สะดวกสบายแน่นอน แต่ทำไม “ลอเรน่า รามิเรซ” จึงยังคงวิ่งด้วยรองเท้าแตะคู่เดิมมาไม่ต่ำกว่า 500 กิโลเมตร

ในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “Lorena, Light-Footed Woman” หรือ “Lorena, la de pies ligeros” พาเราไปลอบสังเกตชีวิต “นักวิ่งแห่งขุนเขา” ลอเรน่า รามิเรซ อย่างเงียบเชียบ ผ่านทัศนียภาพป่าเขาสุดลูกหูลูกตา ซึ่งครอบครัวของเธออยู่กันสันโดษในละแวกเทือกเขาตาราอูมารา รัฐชีวาวาในเม็กซิโก

จุดเริ่มต้นการเป็นนักวิ่งของ “ลอเรน่า” อาจจะเริ่มมาจาก “ความอยู่รอด” ตามธรรมชาติ ความที่ครอบครัวอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติอันเงียบสงบ ไกลห่างจากหมู่บ้านและความเจริญ การไปโรงเรียนต้องใช้เวลาเดินเท้านานถึง 5 ชั่วโมง แม้กระทั่งเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดยังอยู่ห่างไกลออกไปมาก

“เราเดินไปทุกที่ทุกแห่ง เราเดินไปซื้อของในเมือง ถ้าเดินช้าก็ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ฉันไม่เคยใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อไปซื้อของเลย” ลอเรน่าเล่าให้ฟัง

พ่อของเธอเปรียบเปรยลูกสาวว่าเหมือน “กวางป่า” ที่คอยแต่ยืนจ้องก่อนจะวิ่งหายลับเข้าป่าไป ช่างตรงกับบุคลิกภาพนิ่งเงียบ มีสีหน้าเรียบเฉยแทบตลอดเวลา นานๆ จะเห็นรอยยิ้มของเธอชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อชีวิตที่ “ตาราอูมารา” คือการใช้วิธีเดินบ้างวิ่งบ้างไปทั่วทุกที่ นั่นคือจุดที่ครอบครัว

“รามิเรซ” ตระหนักได้ว่าพวกเขาวิ่งได้เร็ว และมีความสามารถในการวิ่งแบบที่ไม่ต้องฝึกฝนเทรนนิ่งใดๆ เพียงแค่วิ่งออกไปเท่านั้น เริ่มจากพ่อของลอเรน่า “ซานติอาโก รามิเรซ” ชนะวิ่งแข่งรายการอัลตรามาราธอนถึงสามครั้ง และก็มาถึงลอเรน่า ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ในฐานะที่เธอแข่งขันชนะอัลตรามาราธอนระยะทาง 100 กิโลเมตร ได้ด้วยรองเท้าแตะ และชุดกระโปรงด้วยเวลา 12 ชั่วโมงกับ 44 นาที และ 25 วินาที

หากไม่นับรายการวิ่งมาราธอนระยะตั้งแต่ 10 กิโลเมตรขึ้นไป ที่เธอคว้าเหรียญมามากมาย แต่เจาะจงเฉพาะการวิ่ง “อัลตรามาราธอน” ลอเรน่าได้รับชัยชนะมาแล้ว 4 ครั้ง บางรายการที่เธอเข้ามาเป็นที่หนึ่งนั้นต้องวิ่งผ่านสภาพอากาศที่มีฝนตกอย่างหนักจนน้ำท่วมขังตามพื้น แน่นอนว่าการวิ่งด้วยรองเท้าแตะที่ทำจากยางในสภาพนั้น ยางจะยิ่งแข็งตัวและทำให้เท้าเจ็บ วิ่งได้ยากลำบากขึ้นไปอีก

ไม่ใช่ไม่ประสากับการวิ่ง หากแต่ “ลอเรน่า” เลือกอย่างจงใจที่จะวิ่งด้วยรองเท้าคู่นี้ ไม่ว่าจะมีผู้สนับสนุนส่งรองเท้ากีฬาอย่างดีมาให้ แต่เธอก็ไม่เคยหยิบมันมาใส่วิ่งเลยสักครั้ง

รองเท้าแตะและกระโปรงชุดท้องถิ่นทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเองเมื่อยามต้องวิ่งไปข้างหน้า

ชัยชนะที่มาใน “ภาพลักษณ์อันขัดแย้ง” ทั้งยังดูทรหดอดทนนี่เองที่ทำให้เธอได้รับความสนใจจากสื่อและฝูงชน

“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองวิ่งเก่งหรือจะชนะแต่ใช่ค่ะ ฉันชนะ” เธอพูดเรียบๆ ไร้ซึ่งความอหังการ แม้แต่ตอนที่เธอบอกว่า เมื่อวิ่งผ่านมาถึง 64 กิโลเมตร “ฉันก็ยังรู้สึกดีอยู่”

หนึ่งในวิธีที่ “ลอเรน่า” ใช้พูดกับตัวเองระหว่างแข่งขันวิ่งอัลตรามาราธอนคือ “ฉันจะบอกตัวเองว่าใกล้ถึงแล้ว อีกนิดเดียวก็ถึงเส้นชัยแล้ว”

เส้นชัยนี้ได้พา “ลอเรน่า” ออกไปเห็นโลกภายนอกที่ไกลห่างจากบ้านมากขึ้นทุกขณะ เธอวิ่งจากป่าเข้าสู่เมือง ด้วยรองเท้าแตะและชุดกระโปรงท้องถิ่น จนได้รับเชิญให้ไปร่วมแข่งขันในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสเปน อาร์เจนตินา แม้กระทั่งญี่ปุ่น

สำหรับ “ลอเรน่า” ที่วิ่งผ่านกิโลเมตรแล้วกิโลเมตรเล่า เราแทบไม่รู้ว่าระหว่างการวิ่งอัลตรามาราธอนที่หนักหน่วง เธอกำลังคิดอะไร เธอบอกเพียงว่า “การวิ่งสอนให้ฉันมีวินัย รู้จักตั้งเป้าหมาย และเปลี่ยนมุมมอง”

“ฉันจะวิ่งให้นานที่สุดเท่าที่ฉันทำได้” ตราบใดที่ฉันยังมีแรงอยู่”

ลอเรน่านั้นรับรู้ว่าเธอได้รับการชื่นชมและมีผู้คนชื่นชอบ เพียงแต่เธอไม่มีความทะยานอยากในตัวตนนั้นเท่าใดนัก เพราะเธออาจเป็น “สรรพชีวิตของป่า” มากกว่าสิ่งอื่นใด

ภาพยนตร์สารคดี “Lorena, Light-Footed Woman” โดดเด่นที่งานภาพที่สวยงาม พลังของภาพที่เล่าออกมาให้เราได้สัมผัสถึง “พลังของมนุษย์” ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ผ่านภาพมุมสูงระยะไกลเผยให้เห็นป่าเขามหึมาที่โอบล้อม “ลอเรน่า” ราวกับ “กวางป่า” ที่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์สารคดีที่ควรได้มีโอกาสรับชม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image