เกิดความเปลี่ยนแปลงโกลาหลกับโลกและชีวิต ในแทบทุกมิติ
บรรยากาศแปรปรวนจากภาวะโลกร้อน ส่งให้ฤดูกาลปรับเปลี่ยนในทุกภูมิภาค เชื้อโรคพัฒนาขึ้นจนต้องคิดหาทางรับมือกันอย่างทุลักทุเล ทัศนคติการอยู่ร่วมกันผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม ในความเป็นรัฐสะเปะสะปะจนประเทศกลายเป็นสนามทดลองเพื่อสร้างทฤษฎีที่ลงตัวและมีประสิทธิภาพมากกว่าในหลายชนชาติ ความคิดความเชื่อเก่าๆ ล้มเหลว สร้างปัญหาก่อแรงกดดันมากมายต่อการอยู่ร่วมกัน
มนุษย์ต้องคิดอาชีพใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อประคับประคองให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่ม ที่อาศัย หยูกหยา พัฒนาไปไกลสุดกู่ หลายรูปแบบที่เรียกร้องให้ผู้คนต้องรับภาระเกินกว่าความจำเป็นของชีวิตปกติไปไกล
ชีวิตมนุษย์พัฒนาไปสู่การสร้างแรงกดดันเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปยังคงดำเนินไปในแบบที่ “ทฤษฎีวิวัฒนาการ” ของ “Charles Darwin” สรุปไว้ “สัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้บนโลกใบนี้ ส่วนสัตว์ที่อ่อนแอและด้อยนั้นจะล้มหายตายจากไปเอง เพราะอยู่ไม่ได้ตามธรรมชาติ”
ยังคงเป็นไปเช่นนั้น เพียงแต่เครื่องมือที่พิสูจน์ว่าในที่สุดแล้วสัตว์อะไร หรือใครแข็งแกร่งกว่าดูจะซับซ้อนขึ้นเรื่อย ไม่เพียงร่างกายที่เข้มแข็ง สมองที่ชาญฉลาดเหมือนที่ผ่านมา
มนุษย์แข็งแกร่งด้วยพัฒนาการของเครื่องมือเครื่องใช้ที่สร้างขึ้นมา ทั้งที่ใช้เป็นอาวุธเพื่อความได้เปรียบในการทำลายล้างคู่ต่อสู้ ปกป้องตัวเอง หรือรุกรานเพื่อขยายตัวตน เพิ่มพูนผลประโยชน์ และอำนวยความสะกวดให้ใช้ชีวิตได้สบายขึ้น
แต่ดูเหมือนว่ายิ่งชาญฉลาดในการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ ไม่เพียงสิ่งที่สร้างขึ้นมานับวันจะพัฒนาไปจนห่าง มนุษย์ส่วนใหญ่ร่วมควบคุมไม่ได้ ใช้ไม่เป็น และสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่ชวนให้หวาดระแวงเท่านั้น
ความรู้ความสามารถในการใช้และการเข้าถึงเครื่องมือยังสร้างช่องว่างระหว่างมนุษย์ด้วยกันให้ถ่างกว้าง จนเหมือนไม่ใช่สัตว์เผ่าพันธุ์เดียวกันอีกต่อไป
เครื่องมือ เครื่องใช้ และอาวุธที่สร้างขึ้นและโอกาสในการเข้าถึงเป็นเจ้าของ กลายเป็น “ความแข็งแกร่งที่ทำให้อยู่รอด” และ “คนเหมือนกันแต่ไม่มีโอกาสนั้นตกอยู่ในสภาพผู้อ่อนแอไปต่อไม่ได้”
สังคมแบ่งชนชั้นกับตามโอกาสของการเข้าถึงสิ่งทั้งหลายที่เอื้อต่อความได้เปรียบในความแข็งแกร่ง ก่อให้เกิดแรงทะเยอทะยานที่จะตะเกียกตะกายไขว่คว้าโอกาสนั้น เกิดการต่อสู้เพื่อช่วงชิงและสร้างฐานอำนาจ
คนที่อ่อนแอกว่าถูกทำลายไป
หรือหลายคนที่ทนกับความล้มเหลวไม่ได้ ต้องทำลายตัวเองไป
เรื่องราวของการฆ่าตัวตายเกิดขึ้นทุกวัน หลายครั้งเป็นการพาครอบครัวหนีโลก
หลังจากที่พัฒนาเผ่าพันธุ์จนแข็งแกร่งกว่าสัตว์อื่น ทำให้สัตว์โลกหลายชนิดสูญพันธุ์ไป
มนุษย์เริ่มที่จะคัดสรรรผู้แข็งแกร่งในเผ่าพันธุ์ตัวเอง และกำจัดทิ้งคนที่อ่อนแอกว่า โดยเฉพาะคนที่ถูกมองว่าเป็นศัตรูจะมาทำลายความมั่นคงของความได้เปรียบ
โอกาสที่มนุษย์ผู้อ่อนแอจะอยู่ได้ คือยอมจำนนที่อยู่อย่างถูกเอารัดเอาเปรียบ
“ไม่ใช่ สปีชีส์ที่แข็งแรงที่สุด หรือฉลาดที่สุด ที่สามารถอยู่รอด
แต่เป็นสปีชีส์ที่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมได้ดีที่สุดต่างหาก” Charles Darwin สรุปไว้อีกเรื่อง
ดูเหมือนว่าการ “ยอมจำนน” จะเป็นรูปแบบหนึ่งความสามารถในการปรับตัว
เพียงแค่คำถามที่ควรจะต้องร่วมกันหาคำตอบคือ
เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มีความสามารถที่จะคิดหาวิธีอื่นที่จะนำมาใช้ปรับตัวให้อยู่รอด นอกจาก “ยอมจำนน” จริงหรือ
“ผู้ยอมจำนน” ย่อมหนีไม่พ้นที่จะอยู่อย่างถูกกดดัน และด้อยค่า
คำถามที่เกิดขึ้น โลกที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียมมากขึ้น ไม่ได้โง่งมเพราะถูกปกปิดข้อมูลเหมือนอดีต
จะมีมนุษย์รุ่นใหม่สักกี่คน ที่จะยินยอมพร้อมใจจะอยู่อย่างยอมจำนน ต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบ