บุกบ้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ล้วงลึกไลฟ์สไตล์-ลมหายใจฟุตบอล

จากการทำหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาจนถึงตอนนี้ “บิ๊กอ๊อด” ได้รับการยอมรับในการทำหน้าที่เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และล่าสุดเพิ่งได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ในช่วงวาระ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2563-2566 “บิ๊กอ๊อด” อาสาเข้ามาทำหน้าที่เป็นนายกลูกหนังไทยสมัยแรกระยะเวลา 4 ปี เมื่อช่วงปี 2559-2562 ซึ่งได้ปรับปรุงโครงสร้าง และวางรากฐานระยะยาวให้วงการฟุตบอลไทยมีความแข็งแกร่ง จนกระทั่งชนะใจบรรดาเหล่าสโมสรสมาชิกได้อีกครั้งให้ทำหน้าเป็นผู้กุมบังเหียนของวงการฟุตบอลไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า ในโอกาสนี้ พล.ต.อ.สมยศ เปิดบ้านพักส่วนตัวให้ทีมงาน “มติชน” ได้บุกเข้าไปเปิดใจถึงความรู้สึกที่ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ตั้งแต่เทอมแรก 4 ปีที่ผ่านมา และแนวทางพัฒนาต่อไปอีก 4 ปีข้างหน้า รวมทั้งล้วงลึกไลฟ์สไตล์สุดพิเศษนอกเหนือจากลมหายใจที่มีแต่ฟุตบอล ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงไม่เคยได้ยินมาก่อน

ความรู้สึกหลังเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมัย 2

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกสโมสรสมาชิกที่สนับสนุนเลือกผมให้ทำหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง ช่วงเทอมแรก 4 ปี ถือเป็นช่วงที่ผมทุ่มเทตั้งใจทำงานร่วมกับสภากรรมการ และทีมงานเจ้าหน้าที่สมาคมทั้งหมด ซึ่งช่วงแรกประสบปัญหายากลำบาก เพราะต้องเข้ามาสะสางปัญหาเก่าต่างๆ และใช้เวลาเกือบ 2 ปีกว่าจะเริ่มต้นเข้าที่เข้าทางใกล้ๆ ก็จะหมดเทอมแรกแล้ว

4 ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้หรือไม่

ผมคิดว่าการบริหารจัดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงดีขึ้น พูดง่ายๆ เหมือนบ้านหลังเก่าได้ซ่อมแซมปรับปรุงจนเป็นบ้านที่น่าอยู่อาศัย และสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ผมยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ผมพอใจในระดับหนึ่งในเรื่องการบริหารที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งถือเป็นยุคที่โปร่งใส และตรวจสอบได้ แต่สิ่งที่ยังไม่พอใจคือ เรื่องผลการแข่งขันของทีมชาติไทย ซึ่งตัวผมเอง และแฟนบอลต่างๆ คาดหวังให้ดีกว่านี้ แต่ถ้าเราวัดกันในอันดับฟีฟ่าแรงกิ้ง เราเลื่อนจากอันดับ 130 ขึ้นมาอยู่อันดับ 113 ถือว่าดีนะครับ แต่ก็แค่ดีในระดับหนึ่ง และในอีก 4 ปีข้างหน้า ผมอยากให้ฟีฟ่าแรงกิ้งทีมชาติไทยสูงกว่านี้ ขึ้นมาอยู่ระดับเลข 2 ตัวให้ได้ ซึ่งต้องพยามกันต่อไป

อุปสรรคในการทำงานช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา

ฟุตบอล หรือทุกกีฬามีปัญหาอุปสรรคเช่นกัน แต่ฟุตบอลจะมีอุปสรรคมากกว่ากีฬาชนิดอื่น เพราะมีผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทั้งสโมสร นักฟุตบอล ทีมงาน ที่สำคัญคือ แฟนบอล แน่นอนว่า เราต้องการทำทุกอย่างให้ดี แต่คงไม่สามารถตอบสนองความต้องการให้ทุกคนถูกใจได้ แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าคงไม่สามารถทำให้ถูกใจได้ทั้งหมด

Advertisement

เป้าหมายการพัฒนาฟุตบอลไทย 4 ปีข้างหน้า

ต้องยอมรับว่า ฟุตบอลไม่ใช่การลงสนาม หรือผลแข่งขันอย่างเดียว เพราะฟุตบอลมีองค์ประกอบมากมายที่ต้องทำไปพร้อมกัน ซึ่งผมได้คิด และวางรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืนระยะยาว การทำงานอีก 4 ปีข้างหน้าจะยึดแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีของสมาคม เชื่อว่าถ้าทำตามแผนจะทำให้วงการฟุตบอลไทยแข็งแรง และผลงานทีมชาติไทยดีขึ้นแน่นอน ในแผนยุทธศาสตร์มีการพัฒนาครอบคลุม 12 ด้าน ทั้งการพัฒนาบุคลากร โค้ช ผู้ตัดสิน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการพัฒนา ทั้งศูนย์การเก็บตัว รวมทั้งการนำเทคโนโลยี และวิทยาการสมัยใหม่เข้ามาพัฒนา หรือการหาวิธีการอะไรใหม่เข้ามาปรับใช้

มุมมองกับคำว่า ทีมชาติไทยจะได้ไปบอลโลก

ผมคิดว่า ความฝันจะเป็นจริงได้ถ้าเราลงมือกระทำ วันนี้เราได้ลงมือกระทำแล้ว แต่ต้องรอเวลา เมื่อถึงเวลานั้นทีมชาติไทยจะไปฟุตบอลโลกได้ เพราะถ้าเรามี ความฝัน เราต้องมีความพยายาม และเดินไปอยู่ตรงนั้นให้ได้ ผมเชื่อว่าทีมชาติไทยจะได้ไปฟุตบอลโลกในปี 2026 เพราะว่าในปีนั้นทวีปเอเชียจะได้โควต้าเพิ่มเป็น 8 ทีม ทำให้เรามีโอกาสมากขึ้น แต่การจะไปถึงตรงนั้นได้เราจะต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ เราต้องสร้างทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อม ถ้าเราไม่เตรียมตัวเมื่อไปถึงวันนั้นโอกาสของเราก็จะไม่มี สิ่งที่ผมทำวันนี้เป็นการปูพื้นฐานไปสู่วันข้างหน้า ซึ่งผมเชื่อว่าจากการที่ได้มีหลักสูตรอบรมโค้ชมากขึ้น ทำให้มีโค้ชมืออาชีพเพิ่มขึ้นในการไปผลิตนักฟุตบอลที่มีมาตรฐานได้มากขึ้น

เคยรู้สึกท้อบ้างไหมกับการเป็นนายกลูกหนังไทย

ถามว่าท้อไหม? ท้อ! ท้อที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจไปได้ทุกเรื่อง เพราะฟุตบอล หรือทุกกีฬาไม่สามารถสร้างสูตรสำเร็จได้ เนื่องจากมีองค์ประกอบหลายสิ่ง บางครั้งเราคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว และคิดว่าผลน่าจะออกมาตามที่เราคาดหวัง แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าชาติอื่นเขาก็ทำดีที่สุดเหมือนกัน แน่นอนฟุตบอลวัดกันที่ผลแแพ้ชนะ แต่ผลแพ้ชนะก็ไม่ใช่แค่ฝีมือ และอาจมีโชคเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่คนส่วนหนึ่งก็จะบอกว่าเป็นข้ออ้าง ถ้าเรารู้ว่าทุกชาติเขาพัฒนา เราจะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ เราต้องยอมรับว่า วันนี้ในอาเซียนจะไปดูแคลนทุกทีมไม่ได้เลย เพราะมีการพัฒนาทุกทีม โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญ แต่มันก็ไม่ใช่เป็นข้ออ้าง เพราะการเป็นนักบริหารถือว่า มีความท้าทาย เราอาสาสมัครเข้ามาทำงานที่มีข้อจำกัดแบบนี้ ก็ต้องใช้ข้อจำกัด และทรัพยากรเท่าที่มีอยู่ ถ้าเราสามารถบริหารจัดการได้ภายในข้อจำกัดได้ แต่ทำผลงานได้ดี นั่นคือ การวัดความสามารถของคุณ

Advertisement

ความแตกต่างในการเป็น ผบ.ตร.กับนายกฟุตบอลไทย

ผมเคยทำงานกับตำรวจ หรือผู้ใต้บังคับบัญชา 4-5 แสนคน ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะว่าเรามีกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ คำสั่งของ ผบ.ตร.เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม สั่งซ้ายก็ต้องซ้าย สั่งขวาก็ต้องขวา แต่มาที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หรือวงการฟุตบอล ทุกคนสั่งไม่ได้ ทุกคนขอร้องบางทีก็ยังไม่ได้ เพราะว่าทุกคนมีผลประโยชน์ของตัวเอง ทุกคนยึดกับตัวเอง เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราก็คือ ทำอย่างไรให้ทุกคนสมประโยชน์ ทุกคนมีความสุข แต่เป็นสิงที่เกิดขึ้นไม่ได้บนโลกมนุษย์ที่จะทำให้ทุกคน หรือทุกทีมสมประโยชน์ แฮปปี้ทุกทีม ซึ่งก็ต้องยอมรับสภาพตรงนี้ว่า เป็นเรื่องที่ยากที่จะทำงานกับคนวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานบนความรู้สึกแฟนบอล เพราะวันนึงเหมือนขึ้นสวรรค์ วันนึงเหมือนตกนรก วันที่ขึ้นสวรรค์ก็คือวันที่ทีมชาติชนะ วันที่เหมือนตกนรกคือวันที่ทีมชาติแพ้ คือมันเกิดขึ้นได้ในช่วง 2-3 วัน เป็นเรื่องที่กดดัน และทำให้เรารู้สึกหนักใจในการทำงาน แต่ตัวผมเองเป็นคนที่เมื่อทำอะไรแล้วไม่เคยยอมแพ้ ที่สำคัญทำอะไรแล้วต้องทำให้ดีที่สุด และทำให้ดีกว่าคนอื่นๆ นี่คือสิ่งที่เมื่อผมเสนอตัวเข้ามาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือมีอุปสรรคอะไรอยู่ข้างหน้าก็ต้องฟันฝ่ากันไป แต่จะทำดีได้ถูกใจใครหรือไม่อย่างไร ต้องแล้วแต่ใครจะคิด

คนในครอบครัวสนับสนุน หรือให้เลิกทำไหม

ช่วงแรกครอบครัวบอกว่า จะมาเป็นทำไม มาให้คนวิจารณ์ในโซเชียลทำไม บางครั้งถ้อยคำวิจารณ์ ทั้งครอบครัว และผมเองรับไม่ได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะยอมแค่สิ่งเหล่านี้ เราเจออะไรที่หนักหนาสาหัสกว่านี้มาเยอะแยะ ตรงนี้เป็นเพียงอารมณ์ หรือความคิดเห็น ซึ่งเราต้องนำมาวิเคราะห์ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นแนวทางที่เรานำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ก็ได้ถ้าเราคิดบวก แต่ถ้าเราคิดลบ เราก็จะมีความกังวล หรือไม่พอใจ แน่นอนช่วงต้นๆ ทุกคนในครอบครัวบอกว่า ให้พอเถอะ ให้เลิกเถอะ แต่เขารู้นิสัยผมว่า ผมเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และผมอธิบายให้เขาฟังว่า เรามาทำงานให้สังคม ทำงานกับความรู้สึกแฟนบอลจำนวนมาก ก็ต้องมีคนที่ถูกใจ และถูกใจ แต่เราจะทำให้เขาถูกใจทั้งหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ จากการที่ผมท้อใจ ทุกคนก็กลับมาให้กำลังใจให้ อย่างเช่น พ่อต้องสู้ พ่อต้องเอาชนะ เธอต้องสู้ เธอต้องเอาชนะให้ได้ ต้องทำให้ได้ในสิ่งที่คิดจะทำ กลายเป็นว่า ทุกคนกลับมาผลักดันให้ผมทำ เพราะเขาเชื่อว่าผมสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ และสามารถนำวงการฟุตบอลก้าวไปข้างหน้าได้

เชียร์ทีมต่างประเทศทีมไหนเป็นพิเศษบ้าง

ทีมต่างชาติที่ผมเชียร์ตอนเด็กเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเปลี่ยนเป็น อาร์เซน่อล เชลซี ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ล่าสุดเปลี่ยนเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ เพราะเป็นทีมของเพื่อน และเป็นทีมของคนไทย ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าใจเราผูกติดกับนักเตะ พอนักเตะที่ชอบย้ายไปอยู่ทีมไหน เราก็ไปเชียร์ทีมนั้น อาจจะไม่ใช่สาวกพันธุ์แท้ที่จะต้องติดกับทีมใดทีมหนึ่งไปเลย ผมชอบยึดติดที่ผลงาน นี่เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่าถ้าผลงานทีมไหนดีแฟนก็เปลี่ยนไปเชียร์ทีมนั้น แต่ก็อาจจะนำไปเปรียบกับแฟนบอลคนอื่นไม่ได้ เพราะแต่ละคนต่างกัน ทีมฟุตบอลไทยก็เช่นกัน ผมไม่ยึดติดว่าจะต้องเชียร์ทีมนั้นทีมนี้ ทีมไหนดีผมก็จะคอยดู จะบอกว่าเชียร์ทีมนั้นทีมนี้ก็คงยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

ถ้าตัดการเป็นนายกฟุตบอลไทยจะเชียร์ทีมไหน

มันยากที่จะพูด เพราะทุกคนอยากจะให้ผมพูดว่า ผมเชียร์ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มันก็มีส่วนนะครับ เพราะความที่เรามีความใกล้ชิดกับผู้บริหารสโมสร แต่วันนี้ผมเชียร์ทีมไหนไม่ได้ เพราะผมมีความใกล้ชิดกับผู้บริหารทุกทีม อย่างปีนี้ ผมก็เชียร์ การท่าเรือ เอฟซี, ทรู แบงค็อกยูไนเต็ด หรือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไหม เพราะทำผลงานได้ดีในฤดูกาลนี้เราเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เราต้องบอกว่า แฟนบอลจะเข้าไปชมในสนาม หรือไม่เข้าสนาม ขึ้นอยู่กับที่ผลงานของแต่ละทีม เพราะฉะนั้นที่มีคนบอกว่า แฟนบอลไม่เข้าสนาม เพราะเบื่อฟุตบอลไทย ตรงนี้ไม่ใช่ ถ้าทีมชนะทุกครั้ง แฟนบอลเต็มแน่นอน

ทุกวันนี้หายใจเป็นฟุตบอล 24 ชั่วโมงหรือไม่

ช่วงที่ไทยลีกพักการแข่งขันไปเนี่ยหงุดหงิดนะครับ เพราะปกติวันเสาร์อาทิตย์ตอนเย็นจะเตรียมตัวไปนั่งหน้าจอทีวีคอยดูเกมทุกคู่ที่สามารถดูได้ เพราะว่าเป็นหน้าที่ที่ผมจะต้องดู เนื่องจากเวลาเกิดประเด็น ผมจะโทรถามที่สนามทันทีว่า เกิดอะไรขึ้น และให้ส่งคลิปที่เกิดเหตุมา พร้อมกับแสดงความคิดเห็นมาให้ผมด้วย เพราะผมจะต้องตอบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ยามว่างมีงานอดิเรกอะไรบ้าง

ผมเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ตั้งแต่เด็ก นั่งๆ ดูวันนี้ต้นไม้อยู่ตรงนี้รู้สึกไม่สวย พรุ่งนี้ก็เปลี่ยนไปอีกที่หนึ่ง อันนี้เป็นความชอบส่วนตัว ผมชอบปลูกต้นไม้มากๆ และชอบเลี้ยงนก แต่ก่อนผมมีนกรอบบ้านเลยเสียงร้องหนวกหูไปหมด ทำให้ภรรยา และลูกขอร้องว่า อย่าขังเขาเลย บาปกรรม ปล่อยเขาเถอะ ก็เลยปล่อยหมด ผมเป็นคนง่ายๆ วันเสาร์อาทิตย์นั่งเฉยๆ ทั้งวันผมก็อยู่ได้ ไม่จำเป็นต้องดูทีวี ไม่จำเป็นต้องออกไปช้อปปิ้ง ไม่จำเป็นต้องไปนู่นไปนี่ ยิ่งช่วงนี้กินข้าวบ้านทุกวัน ไม่ออกไปสังสรรค์กับใคร ใช้ชีวิตนั่งอยู่ในบ้าน ดูไลน์บ้าง ฟังเพลงบ้าง พออากาศร่มๆ ก็ออกไปดูปลูกต้นไม้ พอแดดร่มลมตกก็ไปวิ่งเล่นในสนาม เตะบอลอัดกำแพง วันไหนฝนตกก็ปั่นจักรยาน หรือออกกำลังกายอยู่ในบ้าน นี่เป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ กอล์ฟก็ไม่ได้ตีแล้ว เลิกมาเป็น 10 ปีแล้ว ก็ไม่ได้คิดจะกลับไปตีอีก แต่ชอบออกกำลังกาย โดยเฉพาะเล่นฟุตบอลคนเดียวก็เล่นได้ เตะอัดกำแพงไปเรื่อย

มีของชอบ หรือของสะสมอะไรบ้าง

จะว่าสะสมก็ไม่ใช่ เพราะมีไว้เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจเป็น พระเครื่องบางองค์ บางชนิดที่ชอบเท่านั้น บางคนชอบคิดว่าผมเป็นเซียนพระ ชอบเก็บสะสมพระเยอะไปหมด ไม่ใช่อย่างนั้น ผมชอบเป็นบางองค์ ชอบเป็นบางอย่างเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้มาก ไม่ใช่ถึงกับเล่นเป็นเรื่องเป็นราวเป็นอาชีพ ไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนของสะสมอย่างอื่นไม่มีเลย ทั้งของเก่าของโบราณไม่นิยมเลย รูปภาพก็ไม่นิยม ไม่มีเลย ไม่ได้มีชอบอะไรเป็นพิเศษ

ฝากข้อความถึงแฟนบอลชาวไทย

อยากจะบอกคนไทย แฟนบอลชาวไทย คนที่ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลว่า สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ แฟนบอล ถ้าไม่มีเสียงเชียร์ นักฟุตบอลจะรู้สึกหดดู่ หรือไม่มีกำลังใจ ทีมชาติไทยก็เช่นกันนะครับ ถ้าไม่มีเสียงเชียร์ ไม่มีกำลังใจจากแฟนบอลชาวไทย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีออกมาได้ ผมอยากจะบอกแฟนบอลชาวไทยทุกคนว่า นักฟุตบอลไทยทุกคนมีความตั้งใจอยากจะสร้างผลงานที่ดี อยากจะทำให้แฟนบอลชาวไทยมีรอยยิ้ม มีความสุข แต่ฟุตบอล หรือกีฬาทุกชนิดมีแพ้มีชนะ มันเป็นเรื่องเรื่องจริง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยหัวใจของคนที่รักฟุตบอลของแฟนบอลชาวไทยทุกคนคงไม่ทอดทิ้งทีมชาติไทย เพราะนักฟุตบอลทีมชาติไทยยังรอกำลังใจ ยังรอเสียงเชียร์อยู่ และเชื่อว่าในการแข่งขันต่อไปจะได้รับกำลังใจจากแฟนบอลชาวไทยเข้าไปเชียร์ในสนามให้มากๆ เสียงเชียร์จะทำให้นักฟุตบอลทีมชาติไทยมีกำลังใจ สุดท้ายในช่วงนี้ก็ขออวยพรขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คนไทย แฟนบอลชาวไทย และประเทศไทย ผ่านวิกฤตไปให้ได้ในเร็ววัน จากช่วง 4 ปีที่ผ่านมา “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้วางรากฐานการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนมาในขั้นแรก ซึ่งจากคำยืนยันทั้งหมดต้องจับตาว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้าทิศทางของวงการฟุตบอลไทยจะยกระดับขึ้นมาได้ต่อเนื่องอย่างไร โดยเฉพาะผลงานของ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่เป็นความหวังของคนไทยทั้งประเทศ แต่เชื่อว่าด้วยลมหายใจที่มีแต่ฟุตบอลของนายกฟุตบอลไทยรายนี้จะพาวงการเดินหน้าพัฒนาก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน


ไทม์ไลน์จาก ผบ.ตร.สู่ นายกบอลไทย

“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2497 ที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันอายุ 65 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนท่าเรือนิตยานุกูล, ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่โรงเรียนพรตพิทยพยัต ก่อนเข้าศึกษาต่อโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 15 (ตท.15) และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 31 (นรต.31) นอกจากนี้ จบปริญญาตรีสาขา นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ปริญญาโท รัฐศาสตร์การเมือง มหาวิทยาลัยปูนา จากอินเดีย, ปริญญาเอกปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับ นางพจมาน พุ่มพันธุ์ม่วง และมีบุตร 2 คน น.ส.ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง และ ร.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง เส้นทางการรับราชการตำรวจครั้งแรกในตำแหน่งรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง ก่อนเลื่อนสู่ตำแหน่งสำคัญ ไล่เรียงตั้งแต่ พ.ศ.2542 ผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พ.ศ.2549 ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พ.ศ.2551 ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พ.ศ.2557 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังจากเกษียณอายุราชการ “บิ๊กอ๊อด” เปลี่ยนเส้นทางชีวิตเข้าสู่วงการฟุตบอลไทย โดยเมื่อปี พ.ศ.2559 ชนะเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สมัยแรก และดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปี จนกระทั่งชนะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ชนะเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เป็นสมัยสองติดต่อกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image