ย่ำไปในดงเพลง : Carry On Till Tomorrow ยืนหยัดต่อไปให้ถึงพรุ่งนี้ : เขบ็ดหัวโต
ละล้าละลังอยู่พักใหญ่เหมือนกัน
ว่าควรจะเขียนถึงเพลงนี้เป็นการให้กำลังใจเพื่อนร่วมสังคมที่เจอวิกฤตโรคระบาดซ้อนด้วยวิกฤตปากท้อง
จนกระทั่งจะเป็นวิกฤตโรคจิต ดีหรือไม่
เพราะถึงชื่อเพลงและเนื้อเพลงจะให้กำลังใจว่า
Carry On Till Tomorrow – ยืนหยัดต่อไปให้ถึงพรุ่งนี้
แต่เบื้องหลังของเพลงคือโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
ชนิดที่ Badfinger ผู้แต่งและผู้ร้องก็คงไม่นึกว่าเพลงที่เขียนขึ้นมาเพื่อปลอบขวัญให้กับผู้ฟังเพลงนี้
ปลุกขวัญตัวเอง จน Carry On Till Tomorrow ไม่ได้
เพลงนี้ร่วมกันแต่งโดยสองคู่หูในวง Pete Ham (กีตาร์/ร้องนำ) และ Tom Evans (เบส/ร้องนำ) เหมือนกับ Without You
(ที่ต่อมากลายเป็นฮิตระเบิดระเบ้อ เมื่อ Harry Nilsson เอาไปร้องและขึ้นอันดับหนึ่งทั้งสองฝั่งมหาสมุทรสหรัฐ-อังกฤษ จนกลายเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมในภายหลัง)
เป็นเพลงหลักในหนังเรื่อง The Magic Christian ที่ Ringo Starr แสดงนำ
และอยู่ในอัลบั้ม Magic Christian Music อัลบั้มแรกของพวกเขาที่ออกจำหน่ายในปี 1970
ถึงชื่อหนังและอัลบั้มจะเหมือนกัน แต่อัลบั้มก็ไม่ใช่ soundtrack อย่างเป็นทางการของหนัง
เพราะหนังตัดเพลงไปใช้แค่ 3 เพลงเท่านั้น
ในจำนวนนี้ Carry On Till Tomorrow จะเด่นสุด
Bruce Eder ผู้เขียนหนังสือประวัติของวง Badfinger ระบุว่าเพลงนี้ออกมาในสไตล์ของ Crosby Still & Nash แต่ด้วยเสียงที่โหยหวนกว่า
Stephen Thomas Erlewine นักวิจารณ์ดนตรีชื่อดัง และเป็นบรรณาธิการอาวุโสของ Allmusic คลังเพลงดิจิทัล บอกว่า
นี่คือเพลงที่โดดเด่นที่สุดในอัลบั้ม
ด้วยสำเนียงที่เหมือนฝัน ผนวกกับทำนองและท่อนฮุกที่หนักหน่วง
เพลงเดินภาคดนตรีด้วยพิกกิ้งกีตาร์โฟล์กตลอด
มีเครื่องสายทุ้มต่ำคลอดอยู่ข้างหลัง
ก่อนจะระเบิดออกมาในท่อนโซโล่ด้วยกีตาร์ที่แผดเสียงสไตล์ Beatles
ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะถึงชื่อโปรดิวเซอร์ในอัลบั้มจะเป็น Mal Evans
แต่คนที่ลงมาขลุกอยู่กับวง และร่วมปรับแต่งแก้ไขทั้งเสียงและสำเนียงก็คือ Paul McCartney
เพราะหลายเพลงที่ Beatles (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง John Lennon) ปฏิเสธไม่รับ
Paul ก็จับมาให้ศิลปินในสังกัดแทน
เช่น Goodbye ของ Mary Hopkin เป็นต้น
ส่วนทำนองของเพลงตั้งแต่ท่อนแรกที่ว่า
In younger days, I told myself, my life would be my own.
เป็นการปรับทำนอง (ให้ช้าลง เพื่อความโหยหวนขึ้น) มาจากเพลงเปิดหนังชุดเรื่อง Gilligan’s Island (ตอนฉายบ้านเราใช้ชื่อว่า เกาะหรรษา เรื่องของกะลาสีเด๋อๆ ด๋าๆ ที่เรือแตกติดเกาะกับกัปตันจอมเฮี้ยบ คู่ผัวเมียเศรษฐี ดาราสาวใหญ่ นักธุรกิจหนุ่ม และสาวน้อยหน้าใส)
ลองฟังท่อนแรกที่ร้องว่า Just sit right back and you’ll hear a tale, a tale of fateful trip.
ก็จะรู้สึกได้ถึงความละม้าย
ช่วงรุ่งโรจน์ของ Badfinger นั้นอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆ ระหว่างปี 1970-1972
เพราะถึงปี 1973 Apple Records ต้นสังกัดก็ล้มครืน
พร้อมทั้งทิ้งปัญหาเอาไว้กองโต
รวมทั้งปัญหาลิขสิทธิ์เพลงของศิลปินในสังกัด
ซึ่งรวมเอา Badfinger ไว้ด้วย
และในจำนวนนี้ที่มีปัญหาที่สุดก็คือ Without You ที่ Harry Nilsson เอาไปร้อง
ทั้งผลประโยชน์จากเวอร์ชั่นของ Nilsson และผลประโยชน์จากที่ศิลปินคนอื่นเอาไปร้องต่อ
ก็น่าจะเลี้ยงทั้งวง โดยเฉพาะ Ham-Evans คนร่วมแต่ง ไปได้สบายๆ ตลอดชีวิต
แต่เพราะการล้มของต้นสังกัด แล้วยังโชคร้ายซ้ำสองที่มาเจอผู้จัดการขี้ฉ้ออย่าง Stan Polley
ชะตาของ Badfinger ยิ่งน่าอนาถ
หลัง Apple Records ล้มในปี 1973 Polley หาทางหาประโยชน์จากลิขสิทธิ์เพลงของ Badfinger
จนในที่สุดก็สามารถหาลูกค้าอย่าง Warner Bros. ได้
ตามสัญญาซื้อขายลิขสิทธิ์ เงินที่ Warner จ่ายจะไปพักไว้ในบัญชีคนกลาง (Escrow Account) ก่อน
แต่ Polley หาช่องยักย้ายถ่ายเทเงินนั้นออกไปตนหมด
จนเงินส่วนแบ่งที่สมาชิกของ Badfinger ที่ได้รับมาทุกเดือน หายไปดื้อๆ ในเดือนเมษายน 1975
Ham ซึ่งเพิ่งดาวน์บ้านหลังใหม่ไป 30,000 ปอนด์ และภรรยากำลังท้องลูกคนที่สอง รับโทรศัพท์จากฝั่งสหรัฐในเย็นวันที่ 23 เมษายน ว่าเงินในบัญชีของเขาหายไปเกลี้ยง
Ham นัด Evans ออกไปเจอกันที่ผับ และกินเหล้าไปเกือบตลอดคืน
Evans เป็นคนขับรถมาส่งเพื่อนที่บ้าน ก่อนจะกลับไปนอน
เพื่อจะตื่นขึ้นมาได้ยินข่าวร้ายว่าเพื่อนรักแขวนคอตายในโรงรถตอนเช้าวันที่ 24
แต่เรื่องยังไม่จบเท่านั้น
18 พฤศจิกายน 1983 Evans ทะเลาะกับ Joey Molland เพื่อนร่วมวงอีกราย ที่จะมาขอส่วนแบ่งจากลิขสิทธิ์เพลง Without You (Molland มาร่วมวงหลังจากทั้งสองคนแต่งเพลงนี้เสร็จสิ้นแล้ว)
ไม่แต่เท่านั้น Mick Gibbons มือกลองร่วมวง และ Bill Collins อดีตผู้จัดการทีมก็กระโดดเข้ามาร่วมวงขอแย่งเค้กชิ้นนี้ด้วย
เมื่อปัญหารุมล้อมถึงที่สุด
Evans ก็แขวนคอตายในสวนที่บ้านตาม Ham ไปอีกราย
ในเช้าวันที่ 19 พฤศจิกายน
Carry On Till Tomorrow เป็นหนึ่งในเพลงขวัญใจของนักเรียนนักศึกษาที่ทำกิจกรรมในช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 16
ด้วยเนื้อและความหมายที่ปลุกใจให้อดทนสู้ต่อไป กระทั่ง “จวบจนฟ้ารุ่งราง”
อาจจะไม่มีพลังมากพอจะปลุกปลอบกำลังขวัญให้คนแต่งอย่าง Ham และ Evans ยืนหยัดได้ต่อไป till tomorrow
แต่คนฟังทั้งหลายยังต้องสู้ต่อไปนะครับ
ยืนหยัดให้ถึงพรุ่งนี้ให้ได้
อย่าถอดใจ อย่าเพิ่งหมดแรงล้มลงก่อน
…
https://youtu.be/wrEggYMu-1s