นกสีฟ้านำสันติมาให้ (THERE’LL BE BLUEBIRDS OVER) THE WHITE CLIFFS OF DOVER

อังกฤษ exit ไปจากอียู และนายกฯหญิงคนใหม่ก็ปรากฏกายขึ้นแล้ว พร้อมๆ กับที่นายกฯชายฮัมเพลงหลังไมค์ออกไปหลังจากกล่าวอำลา

การฮัมเพลงของท่านเดวิด คาเมรอน ก็เป็นเรื่องให้วิจารณ์กัน มีทั้งพวกที่พยายามทายว่าท่าน (อดีต) นายกฯฮัมเพลงอะไร มีทั้งพวกที่หมั่นไส้ว่า–คราวนี้ได้ลอยตัวอยู่เหนือปัญหาแล้วนี่หว่าเลยอารมณ์ดี มีทั้งพวกที่ด่าไปถึงโรงเรียนเก่าว่า หนอย ไอ้พวกอีตันทำวินาศไว้ แล้วก็สะบัดตูดไปแบบนี้แหละ (ประทานโทษ ไม่สามารถใช้ “ก้น” แทนคำว่า ass ได้)

แต่มีรายหนึ่งบอกว่า อีตาคาเมรอนฮัมเพลงอะไรฉันไม่รู้ แต่ฉันน่ะฮัม (There’ll Be Bluebirds Over) The White Cliff of Dover เพราะอังกฤษคงจะดีขึ้นหลังจากที่อีตานี่ไปๆ ซะ

อ่านแล้วออกขำๆ เพราะ White Cliff of Dover เป็นเพลงฮิตตั้งแต่เมื่อครั้งอังกฤษยังรบอยู่กับเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่แล้ว เป็นเพลงอันดับหนึ่งที่ให้กำลังใจของอังกฤษต่อสู้กับศัตรูที่ดูเหมือนจะเหนือกว่าในทุกๆ ทาง

Advertisement

หน้าผาขาวของเมืองโดเวอร์ที่ช่องแคบอังกฤษนั้น นักท่องเที่ยวรู้จักกันดี เพราะเป็นปราการด่านแรก เมื่อมีการเดินเรือจากฝรั่งเศสถึงอังกฤษ ในสมัยโบราณ หากปล่อยให้ศัตรูล้ำเข้ามาได้ อังกฤษก็จะตกอยู่ในอันตราย

นกสีฟ้า bluebird เป็นเครื่องหมายของความสุข หากมีบลูเบิร์ดอยู่ที่ white cliff of Dover ก็หมายถึงดินแดนยังเป็นสุข ปลอดภัย

ในจำนวนสัตว์ทั้งหลาย นกเป็นสัตว์ที่มนุษย์ใช้เป็นอุปมาอุปไมยมากที่สุด ในขณะเดียวกัน มนุษย์ก็อิจฉานกมากที่สุด เพียงเพราะนกบินได้ และคนอยากจะบินได้เหมือนนกเสมอมา

Advertisement

จึงไม่น่าแปลกที่มีเพลงเกี่ยวกับนกมากกว่าสัตว์อื่นใด

อย่างที่บอกไว้ นกสีฟ้า bluebird เป็นเครื่องหมายของความสุข

นกสีดำ blackbird เป็นเครื่องหมายแห่งความทุกข์

นกสีขาวอย่างพิราบขาว white dove (dove มีขนาดเล็กกว่าพิราบ) ก็เป็นเครื่องหมายแห่งสันติ และความศักดิ์สิทธิ์

บลูเบิร์ดซึ่งมีสีฟ้าสวยสมชื่อนั้น ฝรั่งถือเป็นเครื่องหมายแห่งความสุข เพราะเป็นหนึ่งในนกชนิดแรกๆ ที่ปรากฏให้เห็นเมื่อฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง

เพลงชื่อยาวที่นำมาฝากครั้งนี้ จริงๆ มีชื่อแค่ The White Cliffs of Dover แต่คนฟังสมัยคุณทวดเรียกตามเนื้อร้องบรรทัดแรก บริษัทแผ่นเสียงเลยต้องตามใจด้วยการวงเล็บยืดยาวไว้ให้

ทั้งนี้ ไม่ใช่เพราะปรารถนาดี แต่กลัวคนซื้อไม่รู้ว่าเพลงอะไร แล้วไม่ซื้อซะเฉยๆ

เรื่องแฟนเพลงจำชื่อเพลงไม่ได้นี้เกิดขึ้นได้เสมอ อย่างเพลง Banana Boat Song (ที่ครั้งหนึ่งคนไทยรู้จักดีในนามเพลง “แดดออก”) คนก็เรียกกันว่าเพลง Day-O ตามเสียงร้องที่ได้ยินตอนต้นเพลง

อย่างยอดเพลงคันทรี่ของ Bob Nolan ที่ชื่อ Tumbling Leaves คนฟังได้ยินเป็น Tumbleweeds จนบริษัทแผ่นเสียงเปลี่ยนชื่อเพลงตามผู้ฟังให้รู้แล้วรู้รอดไป เปลี่ยนความหมายจากใบไม้ร่วงไปเป็นพุ่มไม้แห้งๆ ที่มักเห็นลมพัดกลิ้งไปกลิ้งมาในหนังคาวบอยเก่าๆ

นี่คือพลังเงียบของผู้ซื้อ (ขออนุญาตไม่ใช้ความว่า “ผู้บริโภค” เพราะไม่มีใครซื้อแผ่นเสียงไปกิน)

แม้เพลง Bluebirds Over the White Cliff of Dover จะเป็นขวัญใจของคนอังกฤษในยุคสงคราม แต่ผู้แต่งเป็นอเมริกัน คนอังกฤษเองคงไม่เขียนอะไรแบบนี้ เพราะแถบดังกล่าวของอังกฤษไม่มีบลูเบิร์ดเลยสักตัวไม่ว่าจะเป็นฤดูอะไร เนื่องจากไม่ใช่ถิ่นที่มันจะอยู่ คนอเมริกันอย่างคุณ Nat Burton ผู้ประพันธ์เนื้อร้องจึงปล่อยไก่หรือปล่อยบลูเบิร์ดไปฝูงเบ้อเริ่มแล้ว จึงได้รู้ความจริง

แต่พวกมิตรรักนักเพลงก็ไม่ว่าอะไร ถือว่าเป็นอุปมา ฟังรู้เรื่อง แถมเพลงยังไพเราะถูกใจ

เป็นอันว่าหายกัน ไม่มีใครขายหน้า มีแต่ได้ตังค์เพราะเพลงขายดีเหลือเกินทั้งๆ ที่เป็นยามขาดแคลนของประชาชนในสหราชอาณาจักร ในสหรัฐเองก็ปั๊มแผ่นขายแทบไม่ทันเหมือนกัน

หากดูแผนที่กันแล้ว คงเดาออกว่าในสงครามโลก ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหน บริเวณโดเวอร์นี้คือที่อังกฤษหายใจไม่ทั่วท้องที่สุด เพราะเป็นส่วนที่อังกฤษใกล้กับยุโรปมากกว่าบริเวณอื่นใด

เยอรมันเข้าฝรั่งเศสได้ อังกฤษย่อมรู้สึกเหมือนมีมีดจ่ออยู่ที่คอหอย

ดีว่าได้บลูเบิร์ดจากอเมริกาไปช่วยไว้

หากฟังเนื้อเพลงให้ดีๆ จะพอเห็นสภาพของคนอังกฤษสมัยนั้น เพราะท่อนต้นพูดถึง angry sky “ฟ้าพิโรธ” อันหมายถึงฝูงบิน blitzkrieg ของเยอรมันที่มากันเต็มท้องฟ้า (blitz ภาษาเยอรมันแปลว่าสายฟ้า) แล้วโหมทิ้งระเบิดมาอย่างไม่เสียดมเสียดาย ราวกับว่าเผด็จการฮิตเลอร์ทำได้ในราคาเดียวกับประทัดที่เด็กจุดในตรุษจีน

แต่ถึงกระนั้นอังกฤษยังมีความหวังในดวงตา หวังจะได้เห็นชัยชนะ ได้รัก ได้หัวเราะอีกครั้ง เมื่อสันติภาพมาถึง

อีกส่วนหนึ่งของเพลงที่บอกว่า

“And Jimmy will go to sleep in his own little room again.” นั้นคือคนในบริเวณอันตรายในเมือง ต้องส่งลูกหลานออกไปอยู่บ้านคนแปลกหน้าในชนบท จึงมีความหวังว่าจะได้ลูกหลานกลับคืนมาบ้านอีกครั้ง

ผู้คนในสหราชอาณาจักรผ่านความโหดของสงครามโลกมาแล้ว ผ่านความขาดแคลนมาทุกรูปแบบ แต่ละครั้งก็ก้มหน้าก้มตาเก็บชิ้นส่วนของประเทศและของหัวใจ ปะติดปะต่อเข้าใหม่แล้วเดินลุยไปในอนาคต

คนมิตรประเทศอย่างเรา ได้แต่หวังว่าพลเมืองของสหราชอาณาจักรในปัจจุบัน จะเข้มแข็ง อดทน กล้าหาญได้ระดับใกล้เคียงกับคนรุ่นปู่ย่าตาทวด และประคับประคองประเทศให้ผ่านวิกฤตไปได้ ให้เป็น Land of Hope and Glory อย่างเช่นที่เคยเป็นมา

ให้เป็นตัวอย่างแก่ผู้คนในประเทศโชคร้ายทั้งหลาย เมื่อถึงคราวจะต้อง

“ก้มหน้าก้มตาเก็บชิ้นส่วนของประเทศและของหัวใจ ปะติดปะต่อเข้าใหม่แล้วเดินลุยไปในอนาคต”

อาเมน

 

THE WHITE CLIFF OF DOVER จาก Vera Lynn (1942)

 

จาก Robson & Jerome

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image