ในชีวิตปกติของคนเรานั้น เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนเช้า ถ้าไม่มีเรื่องต้องเร่งร้อนให้ลุกพรวดออกจากเตียงเพื่อไปทำอะไรสักอย่าง
ในห้วงเวลาที่อ้อยอิ่งอยู่บนที่นอนนั้น จะมีเรื่องราวสักเรื่องผุดขึ้นมาในความระลึกถึง หรือหลายเรื่องเวียนเข้ามา
เรื่องที่โผล่เข้ามาแรกๆ นั้นจะเป็นความทรงจำใหม่ๆ อาจจะเกิดขี้นก่อนนอนเมื่อวาน หรือเป็นเรื่องจากความฝันเมื่อคืน
มีทั้งเรื่องที่ทำให้ใจฟู และทำให้ใจหาย
จังหวะที่ใจฟูหรือใจหายนี้น่าสนใจมาก
เพราะเมื่อความปลาบปลื้มยินดีขึ้น จิตใจเราจะโถมเข้าไประเริงรื่น นอนยิ้มกริ่มกับความสุข จากนั้นสักพักเราก็จะคิดไปในทางจะทำให้เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นอีก จินตนาการไปว่าจะทำอย่างไร คิดถึงโน่นถึงนี่
ถ้าไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาแทรก ความคิดนั้นจะพาเราลุกจากที่นอน เพื่อทำกิจวัตรประจำวัน เพื่อใช้เวลาหลังจากนั้นไปทำกิจกรรมตามที่คิด
เรื่องที่ทำให้ใจแฟบ ใจหายก็เช่นกัน เพียงแต่ทำให้เราตื่นมาด้วยความวิตกกังวล กลัวโน่น กลัวนี่ กระตุ้นความคิดไปในทางหาวิธีปกป้องตัวเองไม่ให้ต้องตกอยู่ในความเลวร้ายตามที่กังวล คิดต่อไปถึงเรื่องโน้น เรื่องนี้ ดึงเอาความจำเก่าๆ ขึ้นมาเทียบเคียง และกำหนดวิธีการจัดการ
เป็นเรื่องที่ฉุดเราขึ้นมาจากเตียงเหมือนกัน
ชีวิตปกติของคนเราเป็นเช่นนี้
เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก่อความคิดนำเราไปทำเรื่องใหม่ที่ต่อเนื่องในทางใดทางหนึ่งจากเรื่องนั้น ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ และเรื่องที่เกิดมาเนิ่นนานแต่ยังค้างเป็นภารกิจที่ฝากไว้ในใจ รอจังหวะเวลาที่ต้องปฏิบัติการ
ถ้าไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ให้เห็นกระบวนความเป็นไปจริงๆ จะนึกว่าเราเป็นคนกำหนดเพื่อจัดการเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้น
แต่หากเราตื่นตัว เฝ้าดูสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่เข้ามาสู่ความรับรู้ ความรู้สึกต่อเรื่องนั้น ความคิดว่าจะจัดการให้ต่อเนื่องอย่างไร และการเข้าสูู่กระบวนจัดการตามที่คิด
ถ้าตื่นมองให้ดี จะเห็นว่าเอาเข้าจริงทุกขั้นตอนล้วนเป็นไปเอง
เคลื่อน และหมุุนไปตามเหตุต่างๆ ที่มาประกอบกันเข้า และการเคลื่อนการหมุนนั้นก่อแรงเสียดทานให้ปัจจุบันต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป เกิดอะไรใหม่ๆ แปรเปลี่ยน เกิดใหม่ ต่อเนื่องเรื่อยไป
เป็นเรื่องใหม่ที่ตื่นมาพร้อมกับเราตอนเช้า ทำให้ใจแฟบ ใจฟู ก่อความคิด เพื่อลุกขึ้นไปจัดการ วนตามพัฒนาการของแต่ละเรื่อง
เรื่องที่ทำให้ใจฟูวันก่อน เช้าวันนี้เรื่องใหม่ที่เกิดเนื่องจากเรื่องนั้นอาจจะทำให้ใจแฟบ เช่นเดียวกับบางเรื่องที่ทำให้ใจหาย มาวันนี้เปลี่ยนเป็นทำให้ใจหรรษาขึ้นมา
เป็นไปเองไม่เกี่ยวกับความอยากให้เป็นของเรา
กระทั่งวันหนึ่งที่เราตกผลึกแล้วว่า ทั้งเรื่องที่ทำให้ใจแฟบ แห้งเหี่ยว หรือทำให้ใจฟู สดชื่นรื่มรมย์ ล้วนแล้วแต่มีความไม่แน่นอน แปรเปลี่ยนตามเหตุของแต่ละเรื่องเอง ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราอยากจะให้เป็น
ในห้วงเวลาเช่นนี้ จะทำให้เกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า แท้จริงแล้ว “ชีวิตคืออะไรกันแน่ โลกนี้จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร”
เมื่อเราเริ่มค้นหา คำตอบที่ได้มาจากเรื่องราวที่ระลึกถึงและดำเนินไปในห้วงขณะที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนเช้านั้นเช่นนั้น
เมื่อความรับรู้ของเราตระหนักว่า เรื่องราวเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องของเรา แต่เกิดขึ้นเองตามเหตุ แค่อาศัยตัวเรา จิตใจเราเป็นเครื่องมือ เป็นพาหนะที่ทำให้แต่จะเรื่องดำเนินต่อไปตามเหตุของมัน
โดยเครื่องมือ และพาหนะที่นึกเอาว่าเป็นตัวเรานั้น ก็เป็นการประกอบขึ้นของสิ่งต่างๆ เหมือนกับเครื่องจักร เครื่องกล รถยนต์
ทั้งร่างกาย ความรู้สึก นึก คิด หรือกระทั่งความรู้ตัวไปตามความรู้สึก นึก คิดนั้นก็ไม่ต่างกัน เกิดขึ้นแปรเปลี่ยน รอวันเสื่อมสลาย
แค่เท่านั้น และเป็นไปเอง
การตระหนักรู้นี้ จะทำให้สงบกับทุกเรื่องราว ใจไม่ฟู ไม่แฟบไปตามเรื่องที่ผุดขึ้นมา เปลี่ยนเป็นคิดทำไปตามที่ควรจะเป็น ควรจะดีตามเหตุเท่าปัจจัยที่มาประกอบกัน
ไม่คิดจะให้เป็นสิ่งที่จะสนองความอยากของเรา
ชีวิตจะค่อยๆ สงบขึ้นเรื่อยๆ