ที่มา | มติชนรายวัน อาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563, หน้า 3 |
---|---|
ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ [email protected] |
คอลัมน์ แท็งก์ความคิด : สู่วิถีใหม่
ขณะนี้โลกทั้งใบพยายามปรับตัวให้เข้ากับโควิด-19
ประเทศไทยเองมีการพิจารณามาตรการผ่อนปรน
เปลี่ยนจากการใช้ “ยาแรง” คือรณรงค์ให้คนอยู่บ้าน สกัดกั้นมิให้คนสัญจรไปไหน
เปลี่ยนมาเปิดการกำหนดเงื่อนไขทางสาธารณสุข แล้วให้องค์กรธุรกิจเปิดให้บริการ
มีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มสีคือ ขาว เขียว เหลือง และแดง
ขาว เป็นธุรกิจที่ผู้คนจำเป็นต้องพึ่งพาในชีวิตประจำวัน
เขียว เป็นธุรกิจขนาดเล็ก สามารถควบคุมการติดเชื้อได้ง่าย หรือสถานที่โปร่งโล่ง อย่างสนามกีฬา
เหลือง เป็นธุรกิจที่ติดเครื่องปรับอากาศ มีคนอยู่รวมกันหลายคน แต่มีมาตรการทางสาธารณสุข
แดง เป็นธุรกิจที่เสี่ยงสูง เพราะเป็นธุรกิจที่มีการรวมตัวกันมาก
อาทิ สนามมวย สถานบันเทิง เป็นต้น
ส่วนมาตรการทางสาธารณสุขที่เน้นย้ำกันตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้คงจำกันขึ้นใจแล้ว
นั่นคือ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ใช้ช้อนกลางส่วนตัว รับประทานอาหารปรุงสุก
แต่ทั้งหมดนี้ภาครัฐยังห่วงว่า หากผลีผลามดำเนินการโดยไม่ระวัง
โควิด-19 อาจระบาดรอบใหม่
จึงมีข้อเสนอให้เปิดกิจการต่างๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป
เริ่มจากเปิดแค่ 25 เปอร์เซ็นต์ก่อน แล้วเพิ่มเป็น 50 เปอร์เซ็นต์
แล้วขยับเป็น 75 เปอร์เซ็นต์
หากทุกอย่างปลอดโปร่ง ก็เปิด 100 เปอร์เซ็นต์ในที่สุด
แต่ละขั้นควรทิ้งเวลาให้ห่างกันประมาณ 14 วัน
ตัวเลข 14 วันนี้มาจากการกักตัวดูอาการโควิด
และในระหว่างที่มีการดำเนินการ หากพบว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 30 คนต่อวัน
ทุกอย่างจะต้องกลับไปปิดกิจการเหมือนเดิม
ดังนั้น นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเลขผู้ติดเชื้อ
ทุกภาคส่วนจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์
และสถานการณ์ในปัจจุบันก็มีเรื่องของ “สาธารณสุข” เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
เพราะความเสี่ยงต่อโรคโควิด-19 คือความเสี่ยงของชีวิต
เป็นความเสี่ยงของธุรกิจด้วย
ชีวิตของคนในโลกนับแต่นี้ต่อไปจึงก้าวเข้าสู่ “ชีวิตวิถีใหม่”
การสั่งสมทักษะความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19 จึงเป็นการปรับตัวเข้าสู่ “ชีวิตวิถีใหม่”
วันนี้จึงอยากแนะนำหนังสือเล่มใหม่ของสำนักพิมพ์มติชน
ชื่อว่า “COVID-19 โรคระบาดแห่งศตวรรษ” เขียนโดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์
หนังสือเล่มนี้มีความกลมกล่อมระหว่าง “สาระ” กับ “ความเพลิน”
แม้จะเป็นหนังสือที่ตั้งใจแนะนำ “โรคอุบัติใหม่” แต่ก็นำเสนอได้อย่างง่ายต่อความเข้าใจ
เริ่มจากการปูพื้นฐานเกี่ยวกับโรคอุบัติใหม่ตั้งแต่อดีตจนถึงโควิด-19
อ่านแล้วทำให้เข้าใจว่า โรคอุบัติใหม่นี้เกิดขึ้นเป็นระยะๆ
บรรพบุรุษของเราล้วนแล้วแต่ผ่านพ้นโรคระบาดเหล่านั้นมาได้
เราก็น่าจะผ่านพ้นโควิด-19 ไปได้
การทำความเข้าใจโรคอุบัติใหม่ ทำให้มองเห็นสาเหตุของการเกิดโรค
ทำให้มองเห็น “รังโรค” ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลเราเลย
เมื่อเข้าใจความเป็นมาของโรคอุบัติใหม่
และทราบว่าหลายโรคที่อุบัติใหม่ตอนนั้น ตอนนี้มีวัคซีนป้องกันได้แล้ว
จะมีก็อย่างบางโรค เช่น โรคเอดส์ ที่ยังไม่มีวัคซีน
หลังจากทราบถึงโรคอุบัติใหม่ในอดีตก็ก้าวเข้าสู่โรคโควิด-19
ก่อนจะเข้าไปถึงโรคโควิด-19 ก็ได้รับความรู้ถึงโรคที่มีลักษณะคล้ายๆ
โควิด
หนังสือเล่มนี้ยังรวบรวมเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มแรกที่เกิดโควิด-19 ขึ้นในโลก
ติดตามเหตุการณ์เป็นระยะๆ
กระทั่งในที่สุดมนุษย์ก็เริ่มสรุปอาการของโรค และกำหนดมาตรการป้องกัน
ทุกอย่างปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนี้
ตอนท้ายเล่มยังได้รวบรวมเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด-19
เผื่อไว้สำหรับใครที่ต้องการอัพเดตข้อมูลก็สามารถแวะเวียนไปอ่านได้
ส่วนใครที่ยังไม่เห็นความจำเป็นต้องหาเนื้อหาเพิ่ม แค่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้รู้จัก “โควิด-19” ได้ดีแล้ว
หนังสือเล่มนี้สามารถเป็นข้อมูลที่จะนำไปปรับใช้ได้
ทั้งปรับใช้ในการใช้ชีวิต ทั้งปรับใช้ในธุรกิจ
ปรับใช้ในชีวิต เพื่อให้สามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย
ไม่ติดเชื้อคนอื่น และไม่ทำให้ผู้อื่นติดไวรัสจากเรา
ปรับใช้ในธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าร้านค้าหรือธุรกิจของเรานั้นปลอดภัย
การเพิ่มทักษะความรู้เกี่ยวกับโควิด ทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ถูกต้อง และวิเคราะห์อนาคตได้แม่นยำ
ความรู้เกี่ยวกับโควิด-19 ทำให้เราหลุดพ้นจาก “ความกลัว”
ทำให้สามารถก้าวขึ้นไปยืนอยู่เหนือสถานการณ์
หากสามารถยืนอยู่เหนือสถานการณ์ได้ บางทีโควิด-19 ก็กลายเป็นโอกาส
โควิด-19 อาจมอบโอกาสทองให้แก่เรา
ทำให้เราได้ลงมือทำสิ่งที่บางครั้งไม่เคยทำ ทำให้เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
กดดันให้เราต้องแสวงหารายได้เพิ่ม และยังพบว่าชีวิตนี้ยังต้องดำเนินต่อไป
ชีวิตและการงานที่ต้องดำเนินต่อไปบนวิถีทางใหม่ที่ต้องปรับตัว