คอลัมน์ ชิม ชิล-ชิล : Never Ending Summer

เพื่อนฝรั่งหลายคนเคยถามผมว่าประเทศไทยมีกี่ฤดู มี Spring (ฤดูใบไม้ผลิ) Summer (ฤดูร้อน) Autumn (หรือ Fall ฤดูใบไม้ร่วง) และ Winter (ฤดูหนาว) อย่างเขาหรือเปล่า ถูกถามทีไรต้องยิ้มทุกที ตอบไปว่าไทยแลนด์แดนสยามยิ้มของผมนั้น มีแค่สองฤดู คือ ฤดูร้อน (Summer) กับฤดูฝน (Rainy Season) ถ้านับ “ร้อน” กับ “ร้อนมาก” และ “ฝนตกหยิมๆ” กับ “ฝนตกหนัก” ก็อาจเป็น 4 ฤดูได้

ส่วนหน้าหนาว (หากนับว่ามี) จะประมาณ 3 วันในพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร และ 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือนในภาคเหนือ และไม่ “หนาว” จนถึงขนาด “หิมะ” ตก มีแค่น้ำค้างแข็ง “แม่คะนิ้ง” ให้ดูกันสวยๆ

ประโยคที่ว่า “ไม่อยากให้ฤดูร้อนหมดไป-Never Ending Summer” จึงเป็นแนวคิดของคนที่อยู่เมืองหนาว พอเจออากาศอบอุ่นย่อมดีใจ แถมในโลกปัจจุบันของนักเรียนนิสิตนักศึกษา หรือแม้แต่คนทำงาน จะใช้เวลาในฤดูร้อนนี้พักผ่อน ไปเที่ยวชายทะเล อาบแดด พอถึงเวลาต้องกลับก็ไม่อยากให้เวลาสุขใจสบายกายหมดไป แต่คงปรับใช้กันได้ เพราะหากมีความเพลิดเพลินสนุกสนาน ย่อมอยากให้มีต่อเนื่องเรื่อยๆ

และใครที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวเดินเล่นในโครงการ The Jam Factory แถวคลองสาน ของ อาจารย์ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดัง ซึ่งมีร้านอาหารชื่อ Never Ending Summer ตั้งอยู่ น่าจะมีความรู้สึกอย่างผมที่ “ไม่อยากกลับ” (เข้ามาแถวสุขุมวิท) ทั้ง “อิจฉา” อาจารย์ดวงฤทธิ์อย่าง “มาก” จนถึง “มากที่สุด”

Advertisement

คนอะไรมีพื้นที่กว้างใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งออฟฟิศ มีสนามเขียว มีร้านอาหาร 2 ร้าน ร้านกาแฟ 1 ร้าน และร้านหนังสืออีก 1 ร้าน มีอย่างนี้ไม่ต้องออกไปไหนอีกแล้ว Never Ending จริงๆ!!

โชคดีที่วันที่ผมไปสำรวจ ไปช่วงก่อนเที่ยง (หน้าฝน) ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแต่ไม่ตก จึงไม่ร้อนเกินไป เดินเล่นสบาย ไปถึงติดอยู่ตรงร้านขายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับบ้านอยู่นาน โต๊ะอาหาร โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ฯลฯ ถูกใจไปหมด ราคาไม่แพงอย่างของนอก ดีไซน์ “เริ่ด” ไม่เสียชื่ออาจารย์และทีมงาน เรียบๆ ง่ายๆ วันนั้นไม่ได้ซื้อเพราะไม่ถนัดจะแบกกลับ แต่แค่ร้านนี้ร้านเดียวก็ทำให้สัญญาตัวเองว่าต้องกลับไปใหม่

ด้านหลังร้านเฟอร์นิเจอร์เป็นร้านกาแฟและขนมของ “ไล-บา-รี่” กับร้านหนังสือ “ก็องดิด-Candide Books” เดินรอบหนึ่งแล้วไปต่อเพราะตั้งใจจะจบการสำรวจ ณ จุดนี้ พุ่งไปข้างใน ถัดไปเป็นสำนักงาน ไม่มีนัดหมายจึงไม่ได้เข้าไป เลยไปริมแม่น้ำมีร้านอาหารที่ให้บริการช่วงเย็นในวันธรรมดา และเที่ยงด้วยในวันเสาร์อาทิตย์ สำรวจแค่เมนู พนักงานเป็นกันเองทั้งๆ ที่ร้านยังไม่เปิด เย็นค่ำท่าทางนั่งข้างนอกสบาย จิบไวน์ชิลๆ ได้

Advertisement

pra03130859p2

ถัดเข้ามาเป็นร้าน Never Ending Summer ด้วยอาคารทั้งหมดเป็นโกดังเก่า ข้างนอกเป็นโกดัง แต่การตกแต่งมีรายละเอียด ม้านั่ง ต้นไม้ บรรยากาศกลมกลืนอ่อนนุ่ม ไม่แข็งกระด้างเป็นที่เก็บของ ภายในโปร่ง มีต้นไม้ห้อยประดับสวยสบายตา กระจกหน้าต่างประตูทันสมัย เห็นความงามภายนอก โต๊ะเก้าอี้โซฟามีหลายแบบ จัดแล้วน่านั่ง บรรยากาศดีครับ

ในร้านนั่งสบาย แต่หากเลือกได้ถามพนักงานว่าตรงไหนจะได้ความเย็นจากแอร์ เพราะเมื่อเป็นโกดังบางจุดแอร์ไม่ถึง แต่แดดจาก “ช่องแสง” บนหลังคาร้อนเหมือนกัน

อาหารเป็นอาหารไทย ผมกับเพื่อนตะลุยสั่ง “ถ่ายรูป” แล้ว “ลงมือ”!!

“น้ำพริกลงเรือ” มาเป็นชุด พร้อมผักสด หมูหวาน ไข่เค็ม ชุดนี้แนะนำหนำใจดี “ไข่พะโล้” กับ “แกงเขียวหวานหมูตุ๋น” รสชาติใช้ได้ ผมชอบพะโล้ข้นกว่านี้แต่เอาว่าเป็นความชอบส่วนตัว “ผักกาดทอดน้ำปลา” อร่อย ผักสด กรอบ และหอม

“ไข่เจียวกากหมู” ไข่เจียวทอดฟู กากหมูน้อยไปหน่อย (ของชอบ) แต่โดยรวมอย่าพลาด แต่แน่ๆ สำหรับคนกินเนื้อ “เนื้อย่างจิ้มแจ่ว” เมนูนี้ “ได้เลย”

pra03130859p1

อิ่มแล้วเดินย่อย ไม่วายต่อขนม จิบกาแฟ แล้วดูหนังสือ “ก็องดิด” เป็นร้านหนังสือที่มีหนังสือการบ้านการเมือง ปรัชญา และสังคม หลายปกหาไม่ค่อยได้ในร้านหนังสือทั่วไป คอหนังสือ

ประเภทนี้ต้อง “ดั้นด้น” ไปให้ถึง ไม่เสียเที่ยวครับ หอบกลับมาหลายเล่ม

นั่งรถออกมาแล้ว เจอรถติด อยากกลับเข้าไปอยู่ยาวๆ “Never Ending” อาจารย์ดวงฤทธิ์มีที่เหลือให้ผมไปเปิดร้านบ้างได้ไหมครับ??

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image