คอลัมน์ ประสานักดูนก : ดูนกเวียดนาม (7) : ขัติยาญวน

วันที่ 5 ของทริปดูนกเวียดนาม เริ่มออกดูนกแต่เช้า เป้าหมายของวันนี้เป็นป่าเมฆบนเส้นทางไปยอดดอยลางเบียน เนื่องจากถนนลาดยางอย่างดีทอดตัวผ่านป่าเมฆไต่ระดับความสูง จึงง่ายต่อการดูนก แค่จอดรถตู้แล้วเดินตามข้างถนนก็ได้ยินเสียงนกป่าผสานเสียง บริหารลูกคอ ตากแดดและหาแมลงกิน

หลังจากต้องต่อสู้กับอากาศหนาวเย็นในยามค่ำคืนบนภูเขา เมื่อวานที่หุบเขาตานุง โชคดีได้เห็นนกกะรางอกสีส้มเฉพาะถิ่น 1 ชนิดไปแล้ว วันนี้เป้าหมายมีหลายชนิด ชื่อนกล้วนบ่งบอกความเป็นนกเฉพาะถิ่นของประเทศ อาทิ Vietnamese Cutia Vietnamese Greenfinch และ Vietnamese Shrike-babbler ส่วนนกกะรางเฉพาะถิ่นอีก 1 ชนิดนั้น คือ “นกกะรางสร้อยคอดำ” Collared Laughingthrush

ตัวเอกที่คนเขียนและเพื่อนๆ กำลังตามหาในเช้านี้ คือ นกขัติยาเวียดนาม เดิมที ทั่วโลกมีนกขัติยาเพียง 1 ชนิดเท่านั้น แพร่กระจายพันธุ์ในป่าเมฆบนภูเขา ตั้งแต่เทือกเขาหิมาลัยในอนุทวีปอินเดีย ภาคใต้ของจีนและภูมิภาคอุษาคเนย์ของเรา ไม่ว่าที่ประเทศไหน นกขัติยาเป็นนกหายาก เป็นที่หมายปองของนักดูนกทุกคน

ขนาดหนังสือเรื่องนกยังจัดให้นกขัติยา เป็น 1 ใน 100 ชนิดที่นักดูนกควรเห็นก่อนตาย!

Advertisement

ต่อมานักปักษีวิทยา แยกนกขัติยาเชื้อชาติญวนออกจากนกขัติยาในบ้านเราและที่เทือกเขาหิมาลัย เพราะเสียงร้องและชุดขนต่างกัน โดยเจ้าขัติยาญวน โดยเฉพาะนกตัวผู้จะมีลายขวางสีดำบนอกและท้องมากกว่านกขัติยาไทย ภาระจึงตกอยู่กับนักดูนกที่ชอบสะสมจำนวนชนิดนกทั่วโลก หรือ listing เมื่อนกบ้านเราไม่เหมือนบ้านเขา ได้เปลี่ยนบรรยากาศดูนกต่างเมือง จึงดั้นด้นมาเที่ยวบ้านเขา

นกขัติยาเป็นนกกินแมลงขนาดเล็ก ในกลุ่มนก Babbler อาศัยอยู่บนเรือนยอดไม้ จึงมองเห็นได้ยาก ถ้าตาไม่ไว ใจไม่อดทน เฝ้ารอ ณ ป่าเมฆที่นกอาศัยอยู่ ก็ยากจะสมหวัง เคล็ดการดูนกประการหนึ่ง คือ ควรอยู่ถูกที่ ถูกเวลา ที่ป่าเมฆยามเช้า นกป่าจะกระตือรือร้น ออกหากิน จึงพบเห็นได้ง่ายขึ้น ยิ่งรู้จักเสียงของนกจะได้เปรียบ เพราะนกขัติยาจะออกหากินเป็นคู่ หรือฝูงเล็ก มีทั้งตัวผู้และตัวเมีย นกใช้เสียงร้องตอบโต้กัน จะได้ไม่หลงทางกันไป นกจะกระโดดเตาะแตะ บนกิ่งไม้ที่มีมอสและไลเคนส์ปกคลุมหนาแน่น ใช้จะงอยปากสั้นโค้ง ปลายแหลมทิ่มเข้าไปในพุ่มพืชอิงอาศัย ค้นหาหนอนแมลง ที่หลบซ่อนอยู่ แล้วก็ย้ายที่ไปเรื่อยๆ

เช้านั้นนับว่าโชคดี เมื่อลงจากรถมายืนสูดอากาศบริสุทธิ์ของป่าเมฆ เสียงสองพยางค์ ร้องติดต่อกันถี่ๆ ว่า วี้ด ปิ้วๆ ของนกขัติยาก็กระทบหู ลอยขึ้นมาจากหุบเขาข้างทาง เสียงดังขนาดทุกคนได้ยินกันครบ นับว่าดังเกินตัวนกขนาดเล็กแค่ 17-19 ซม. ใหญ่กว่านกกระจอกแค่ไม่กี่ ซม. เมื่อส่องหาก็พบนกตัวเล็กเกาะอยู่บนเรือนยอดในมุมสูง ใช่ว่าจะมองเห็นได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่เกินความพยายามของนักดูนกไทยตาไว เป็นตัวผู้ 1 ตัวเมีย 1 เกาะห่างๆ กันแต่แหงนคอ ส่งเสียงร้องโต้ตอบกันเป็นระยะ นกตัวผู้จะมีขนบนหลังและตะโพกสีแดง แต่ขนบริเวณดังกล่าวจะเป็นสีน้ำตาลในนกตัวเมีย

Advertisement

มองปราดเดียวก็จำแนกเพศได้ กลายเป็นนกใหม่ตัวแรกของวันที่ได้ชมเต็มตาสมใจครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image