คอลัมน์ เริงโลกด้วยจิตรื่น : โลกของอารมณ์

เรื่องราวหนึ่งในสังคมออนไลน์ที่ค้างคาในใจชวนให้ครุ่นคิด

เพื่อนคนหนึ่งชีวิตปกตินับได้ว่าอยู่ในกลุ่มที่องอาจ กล้าได้กล้าเสีย แต่ช่วงหนึ่งกับมีบุคลิกเปลี่ยนไป เรื่องราวที่รับรู้จากการสื่อสารผ่านทางโลกออนไลน์มา

ช่วงเช้า กลางวันไม่มีอะไร แต่ตกเย็นจะท่าทีเริงรื่นล้อเล่นกับเพื่อนฝูงสนุกสนานเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นอารมณ์ที่ต้องการการดูแลมากมาย เรียกร้องโหยหาความใส่ใจ น้อยอกน้อยใจกระทั่งการหยอกล้อของเพื่อน บ่อยครั้งที่ถ้อยคำธรรมดาถูกตีความในไปทางทำร้ายจิตใจรุนแรงแบบไม่น่าเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะคิดไปมากมายขนาดนั้น

ช่วงเย็นถึงค่ำจึงกลายเป็นห้วงเวลาที่เพื่อนคนนี้พร้อมทะเลาะกับทุกคน โอดโอยกับชะตากรรมของตัวเอง เรียกหาความเข้าใจ ความใส่ใจไม่หยุดหย่อน

Advertisement

เพื่อนไม่ได้นิ่งดูดายหรอก ยอมไปหาหมอทางจิตเวช หมอสรุปว่าเป็น “โรคอารมณ์ 2 ขั้ว” หรือ “ไบโพลาร์” ให้ยามากิน

กินมายาวนานหลายเดือนแล้ว แต่เท่าที่ดูยังไม่เห็นแนวโน้มว่าจะดีขึ้น ร่าเริงตอนเช้า กลางวัน พูดคุยสนุกสนานเหมือนตกผลึกกับโลกกับชีวิตจนมองผ่านทุกข์สุข เห็นอนิจจังเป็นปกติ สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปเสมอแล้ว แต่ตกเย็น เมื่อแสงตะวันส่งสัญญาณจะลาฟ้า อารมณ์หดหู่ก็แสดงอาการ

เรียกหาคุณค่าของตัวเอง โอดโอยถึงการดูแลใส่ใจ และพร้อมจะแปรเป็นการหาเรื่องหาราวกับไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาพูดคุยแล้วเกิดมีบางคำไปสะดุดต่อมให้สติแตก

Advertisement

เป็นอย่างนี้มานาน จนระยะหลัง เมื่อเพิ่มคนนี้เข้ามาในกลุ่ม ทุกคนได้แต่นิ่งฟัง ปล่อยให้เขาพูดคนเดียว ต่างคนต่างหลีกหนีการเป็นเหยื่ออารมณ์

แต่เรื่องไม่จบ เพราะกลายเป็นว่าทุกคนถูกกล่าวหาหมดว่า “ทิ้งเพื่อน ไม่จริงใจ”

เรื่องราวเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนานกระทั่งการสื่อสารในกลุ่มนี้ที่เคยคึกคักในช่วงเย็น ช่วงค่ำ เพื่อนฝูงมาแลกเปลี่ยนสนทนาหลังเลิกงาน หรือบอกกล่าวกันว่าไปอยู่ที่ไหนทำอะไร กลับกลายเป็นกลุ่มที่เริ่มเงียบ ส่วนใหญ่ถอยออกไปเป็นผู้ชม ผู้แสดงตัวแทบไม่เหมือนให้เห็น ยกเว้นแต่จะมีงานใหญ่ๆ

มุมที่ชวนให้เก็บมามองหาความกระจ่างคือ “คุณค่าของคนเรา” อยู่ที่ไหน

เรามักจะเจ็บปวดกันเสมอเมื่อถูกคนในสังคมที่เราอยู่ละเลยที่จะพูดถึงหรือยอมรับคุณค่าของเรา “ฆ่าได้หยามไม่ได้” เป็นคำประกาศที่ฟังดูเท่ ดูยิ่งใหญ่

แต่แท้จริงแล้ว “คนที่เอาแต่เรียกหาคุณค่าจากการแสดงออกของคนอื่น” เป็นการแสวงหาคุณค่าที่ถูกทางหรือไม่

ระหว่างสร้าง “ศรัทธาในตัวเอง” ให้เข้มแข็ง กับเรียกหาแต่ “การให้คุณค่าจากคนอื่น” คนเราควรจะเดินไปทางไหน

มีคำคมที่ส่งกันมาในโลกออนไลน์คำหนึ่ง “นกไม่กลัวกิ่งไม้หัก ไม่ใช่เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของกิ่งไม้ แต่เชื่อในปีกของตัวเอง”

คนเราเมื่อเชื่อมั่นในการยืนหยัดได้ตัวตัวเองแล้ว สิ่งอื่นๆ ก็เพียงแค่จัดการให้เกิดความเหมาะสม แม้จะเรียกร้องก็ด้วยเหตุผลที่เห็นว่าเหมาะควร ไม่ใช่เพราะหวั่นเกรง แต่โกรธเกรี้ยวก็เพื่อให้อยู่ในที่ในทางที่ควรจะเป็น ไม่ใช่อาฆาตแค้น

พร้อมจะเดินร่วมทางเพื่อเยียวยา แก้ไข แต่ไม่ใช่ยอมพากันจมดิ่งไปในความเลอะเทอะ

เพียงแต่ว่าอาจบางที เรื่องราวทั้งหลายก็เป็นคือผลกรรมที่แตกต่าง

กรรมที่สร้างปมต่างๆ กันในใจ และความเป็นไปเกิดจากแรงผลักดันสร้างความคิด ความรู้สึกโดยปมเหล่านั้น

คนอื่นได้แค่แนะนำ มีแต่ตัวเองที่จะคลายปมให้ตัวเองได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image