| ผู้เขียน | พรรณราย เรือนอินทร์ /สุวนันท์ คีรีวรรณ |
|---|
สถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช
รมณียสถานแห่งพุทธศาสนา
เนื่องในศุภมงคลสมัย 150 ปีวัดราชบพิธฯ
นับเป็นอารามสำคัญยิ่งแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สำหรับ ‘วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร’ ซึ่งสถาปนาขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีส่วนสำคัญในการเผยแผ่พระธรรมแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในดินแดนซึ่งพระพุทธศาสนาหยั่งรากลึกในจิตใจของผู้คนมาเนิ่นนาน
เนื่องในศุภมงคลสมัย 150 ปี แห่งการสถาปนาวัดและเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 3 พระองค์แห่งวัดราชบพิธฯ ได้แก่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก อีกทั้งเพื่อเฉลิมฉลองศุภมงคลสมัย ฉลองพระชนมายุครบ 8 รอบ สมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) ที่จะเวียนมาบรรจบในวันที่ 26 มิถุนายน 2566
วัดราชบพิธฯจึงได้มีดำริสร้างสถานปฏิบัติธรรมขึ้น โดยอัญเชิญพระนามของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ ขนานนามว่า ‘สถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร)’ เพื่อสร้างรมณียสถานอันสัปปายะ คือเหมาะสมและสะดวกสบายต่อการบำเพ็ญสมณธรรม เจริญจิตตภาวนา ทั้งยังเป็นศูนย์การเรียนรู้พุทธศาสนาสำหรับพุทธศาสนิกชน
ในห้วงเวลาอันเป็นมงคลยิ่ง สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการจัดสร้างสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวที่คลอง 9 ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีคณะสงฆ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ข้าราชการ และประชาชน เฝ้ารับเสด็จ
สมเด็จพระสังฆราชเสด็จเข้าสู่ปะรำพิธี ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ประธานคณะกรรมการโครงการจัดสร้างสถานปฏิบัติธรรมฯ เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมนิกาย เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุติ, ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าฯปทุมธานี ,สมชาย ทองศรีมั่น ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลจังหวัดธัญบุรี, พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี, ณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ตัวแทนศิษยานุศิษย์สมเด็จพระสังฆราช, นิติพัฒน์-ธัญรัศมิ์ นันธนวัฒน์ และครอบครัว และบันเทิง แสงรัฐวัฒนะ และพี่น้อง ผู้บริจาคที่ดิน เข้าทูลถวายเครื่องสักการะตามลำดับ
สมเด็จพระสังฆราชกล่าวประทานสัมโมทนียกถาในตอนหนึ่งว่า
“สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเล่าประทานพระสาวกถึงเหตุการณ์ขณะพระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์เสด็จออกผนวช แล้วทรงพบรมณียสถาน ณ อุรุเวลาเสนานิคม ว่า
‘ภูมิสถานถิ่นนี้ เป็นที่รมณีย์หนอ มีไพรสณฑ์ ร่มรื่นน่าชื่นบาน ทั้งมีแม่น้ำไหลผ่าน น้ำใส เย็นชื่นใจ ชายฝั่งท่าน้ำก็ราบเรียบ เป็นรมณีย์ ทั้งโคจรคามก็มีอยู่โดยรอบ เป็นสถานที่เหมาะจริงหนอที่จะบำเพ็ญเพียรสำหรับกุลบุตรผู้ต้องการทำความเพียร ภิกษุทั้งหลาย เรานั้นแลได้นั่งลง ณ ที่นั้น โดยตกลงใจว่าที่นี่ละเหมาะที่จะบำเพ็ญเพียร ดังนี้’
สถานอันสัปปายะด้วยความรื่นร่มรมณีย์นั้นเป็นนิยามของคำว่า ‘อาราม’ นอกจากจะเอื้ออำนวยความสุขสำราญ หล่อเลี้ยงชีวิตและจิตใจของสรรพสัตว์ใหญ่น้อยแล้ว เมื่อพิจารณาจากพุทธประวัติ ยังช่วยเกื้อกูลการบำเพ็ญสมณธรรม เป็นปฐมเหตุแห่งการบังเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนาอีกด้วย
ท่านทั้งหลายมีเจตนารมณ์ที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ ให้มีสิ่งปลูกสร้างและสิ่งแวดล้อมเป็นรมณียสถาน เป็นปัจจัยเกื้อหนุนการปฏิบัติธรรม นอกจากเป็นประโยชน์ ต่อความดำรงมั่นแห่งพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว อีกกึ่งหนึ่งของพื้นที่ยังจะจัดให้เป็นสวนเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนผู้มาเยี่ยมเยือน ให้ได้รับปัญญาทั้งทางธรรม และปัญญาทางโลกอีกด้วย นับเป็นบุญกิริยาอันควรแก่การอนุโมทนาสรรเสริญ สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ย่อมจะเป็นปัจจัยเกื้อกูลความสำเร็จประโยชน์ทั้งคดีโลกและคดีธรรมให้บังเกิดสืบไปตลอดกาลนาน
ท่ามกลางความร้อนรุ่ม และหิวกระหายทั้งทางร่างกายและจิตใจ ของชาวโลกในปัจจุบัน อาตมภาพขอฝากให้ทุกท่านช่วยกันสร้างสรรค์สถานที่แห่งนี้ ให้เป็นประดุจบ่อน้ำใสสะอาด ซึ่งชนผู้กำลังร้อนรุ่มหิวกระหาย สามารถตักตวงความผ่อนทุกข์กาย ความผ่อนคลายโทมนัสใจ ช่วยกันทำให้เป็นสถานที่แห่งความร่มเย็น สงบ สันติ ทั้งทางร่างกาย และทางจิตใจ โดยเริ่มจากความสงบสันติในจิตใจของเราทั้งหลายผู้สร้าง เพื่อผู้จะเข้ามาใช้สถานที่นี้เป็นที่ระงับดับความเร่าร้อนในจิตใจในอนาคตกาล”
บนผืนดินกว่า 127 ไร่จะถูกเนรมิตด้วยแรงกาย แรงใจ และพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมอันประกอบด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ เรียบง่าย เน้นประโยชน์ใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นวิหาร ซึ่งเป็นอาคารประธานที่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับศิลปกรรมของวัดราชบพิธฯ คือ พระอุโบสถและพระวิหาร ความงดงามแบบไทยประเพณีผสมผสานซึ่งความงามสง่าแบบตะวันตก ตลอดจนศาลาปฏิบัติธรรมและหมู่อาคารอเนกประสงค์ เพื่อเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา และรองรับสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของพุทธศาสนิกชน
ไม่เพียงเท่านั้น ยังแบ่งพื้นที่ใช้สอยเพื่อทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด จะเป็นผู้ช่วยพัฒนาพื้นที่ ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ การดำเนินชีวิตไม่เบียดเบียนธรรมชาติและพึ่งตนเอง
สำหรับที่ดินผืนนี้ สมเด็จพระสังฆราช ทรงได้รับการน้อมถวายจาก ธัญรัศมิ์ นันธนวัฒน์ พร้อมด้วยทายาท บุตร ธิดา ผู้มีความเลื่อมใสในพระศาสนา จำนวน 81 ไร่ 3 งาน 85 ตารางวา โดยวัดราชบพิธฯ ซื้อเพิ่มเติมอีก 45 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวา รวมพื้นที่สุทธิ 127 ไร่ 1 งาน 99 ตารางวา พร้อมสร้างถาวรวัตถุ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์เป็นปัจจัยน้อมนําความไพบูลย์ในธรรม
ทั้งนี้ โครงการ ‘แบ่งปันความรู้ เชิดชูศาสนา พัฒนาแหล่งน้ำลำคลอง’ ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ พ.ศ.2553 โดย บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มูลนิธิ ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ และ มูลนิธิบรรจง พงศ์ศาสตร์ สานต่อกิจกรรมอันสร้างคุณประโยชน์แก่สังคมไทยในหลากมิติ ได้ร่วมสนับสนุนการก่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม โดยเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระวโรกาสให้คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วยขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการ บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) ปานบัว บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) และคณะ เข้าเฝ้าถวายโดยเสด็จพระกุศล สมทบทุนการก่อสร้าง
ต่อมาในเดือนตุลาคม 2563 พินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยขรรค์ชัย บุนปาน ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ถวายกล้าไม้ สำหรับนำไปปลูก ณ สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้
นอกจากนี้ ย้อนไปในช่วงปลายปี 2562 สมเด็จพระสังฆราชได้ประทานพระวโรกาสให้ผู้บริหารเครือมติชน เข้าเฝ้าพร้อมด้วย วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ
กัญจนา ศิลปอาชา โดยนายวราวุธและกัญจนา สมทบทุน 11 ล้านบาท
นี่คือโครงการใหญ่ที่พุทธศาสนิกชนไทยต้องร่วมแรงศรัทธาเพื่อสืบสานพระศาสนาจากนี้สืบไป เฉกเช่นเดียวกับเครือมติชนพร้อมพันธมิตร ที่ร่วมใจสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ยังประโยชน์สุขแก่สังคมไทยชั่วกาลนาน
ผู้มีจิตศรัทธาสร้างสถานปฏิบัติธรรม สมเด็จพระสังฆราช สามารถร่วมบริจาคเข้าบัญชี วัดราชบพิธ เพื่อสร้างสถานปฏิบัติธรรม สมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) คลอง 9 จังหวัดปทุมธานี
ธนาคารออมสิน สาขามหาดไทย
เลขที่บัญชี 020-2-84356-654
ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนเฟื่องนคร
เลขที่บัญชี 159-0-10328-9
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตรีเพชร
เลขที่บัญชี 006-2-89900-5
โดย : พรรณราย เรือนอินทร์
สุวนันท์ คีรีวรรณ
