ผู้เขียน | นฤตย์ เสกธีระ |
---|
คอลัมน์แทงก์ความคิด : ปรับตัวคือทางรอด
ได้ฟังได้ยินข้อมูลจากงานสัมมนาเมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่หนังสือพิมพ์มติชนจัดขึ้นในรูปแบบ เวอร์ชวล คอนเฟอเรนซ์ กันไปแล้วใช่ไหม
ใครได้ฟังสัมมนา “เบรกทรูไทยแลนด์ 2021” ในวันนั้นคงมองเห็นแล้วว่าโลกเปลี่ยนไป
ประเทศไทยก็เปลี่ยนเช่นกัน
ในมุมมองของ อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เห็นว่าเศรษฐกิจปีนี้ยังแย่ เพราะโลกเผชิญหน้ากับโควิด-19 ระบาดไม่สิ้นสุด
ส่วนความเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่กับการเมือง ถือว่าไปไกลมาก
ไกลถึงขนาดที่สังคมไทยต้องปรับตัว
หากไม่ปรับตัวอาจต้องเผชิญหน้ากับ “กบฏในระบบ”
สอดรับกับ อาจารย์กนกรัตน์ เลิศชูสกุล ที่ให้ข้อมูลจากการศึกษาความนึกคิดของคนรุ่นใหม่
เรื่องที่น่าสนใจคือคนรุ่นใหม่และความคิดใหม่มิได้มีจำเพาะแค่นักเรียนนิสิตนักศึกษา
หากแต่คนในแวดวงต่างๆ ที่เริ่มทำงานก็มีแนวคิดใหม่
ไม่ว่าจะเป็นภาคราชการ หรือภาคเอกชน ต่างก็เริ่มมีไอเดีย
ดังนั้น คนรุ่นเดิมจึงต้องเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลง
ยอมรับว่าคนรุ่นใหม่มีข้อเรียกร้อง ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากคนรุ่นเดิม
และเรียกร้องให้เปิดช่องทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาแอ๊กชั่น
อีกคนหนึ่ง คือ นายสันติธาร เสถียรไทย ได้ชี้ให้เห็นเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้น
เรียกว่าคลื่นยักษ์ 5D เกิดขึ้นเร็วและแรง
D แรกคือ Debt หรือ หนี้
หนี้ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ไอเอ็มเอฟบอกว่าหนี้จะสูงถึง 12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
สภาวะนี้มีผลให้เศรษฐกิจตกต่ำ และดอกเบี้ยก็ต่ำ และจะต่ำไปอีกนาน
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เงินไหลมาอยู่ที่เอเชีย ตลาดเงินคึกคัก ค่าเงินบาทแข็ง
ส่วนหนี้ที่น่าห่วงที่สุดของไทย คือ หนี้ภาคครัวเรือนที่มีถึง 86% ต่อจีดีพี
D ที่สอง คือ Divided หมายถึง ความเหลื่อมล้ำ
โควิด-19 ทำให้คนที่ “สายป่านสั้น” ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ธนาคารโลกบอกว่า คนไทยมีคนจนเพิ่มอีก 1.5 ล้านคน ในปี 2563
กลุ่มที่เปราะบางมากๆ คือ เอสเอ็มอี ส่งผลกระทบถึงการจ้างงาน
และทำให้คนต้องว่างงาน
D ที่สาม Divergence หมายถึง การผงาดขึ้นของเศรษฐกิจเอเชีย
ที่ผ่านมา เศรษฐกิจเอเชียฟื้นตัวเร็ว ไม่ว่าจะเป็น จีน เวียดนาม เกาหลีใต้
โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะแซงอเมริกาในปี 2573
ปัจจัยนี้ทำให้ต้องใส่ใจดูรายละเอียดจีนมากขึ้น
เพราะจีนกำลังจะเปลี่ยนจากโรงงานผลิตของโลก เป็นลูกค้าใหญ่ของโลก
D ที่สี่ Digitalization การเข้าสู่ดิจิทัลเร็วมาก
ปี 2563 อาเซียน 6 ประเทศใหญ่ ใช้อินเตอร์เน็ต 400 ล้านคน
กลุ่มผู้ใช้ใหม่อยู่นอกเมืองใหญ่ และ 90 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่าหลังโควิด-19 จบก็ยังใช้อินเตอร์เน็ตต่อไป
คำถามที่ทิ้งไว้ให้คิด คือ จะใช้ดิจิทัลมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างไร
ช่วยเอสเอ็มอีได้อย่างไร ช่วยกลุ่มที่ถูกกระทบได้อย่างไร
และ D สุดท้าย Degradation of Environmemt หรือความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม
นายสันติธารบอกว่า โรคโควิดทำให้คนกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มลงทุนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ ESG (Environmental, Social, and Governance) เป็นเทรนด์สำคัญ
เกิดเป็นเทรนด์ธุรกิจสีเขียวขึ้นทั่วโลก
ส่วนวิธีรับมือกับเทรนด์ใหม่ นายสันติธารเสนอกลยุทธ์ 5 ธาตุ
หนึ่ง ธาตุลม คือ สิ่งรอบตัวที่มองไม่เห็น ลมในยุค 4.0 ก็คือ ดาต้า หรือข้อมูล
ควรใช้ข้อมูลเหล่านี้มากระตุ้นเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพ
สอง ธาตุดิน คือ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม
สาม ธาตุน้ำ หมายถึง การปรับตัว แม้จะล้มแต่ก็ลุกขึ้นมาใหม่ได้
เคยมีการศึกษาร่วมกับ World Economic Forum พบว่า มี 3 ทักษะสำคัญที่ทุกองค์กรควรมี ได้แก่ 1.มีพื้นฐานดิจิทัล 2.มีทัศนคติที่ดี และ 3.เป็นผู้นำที่ดีในองค์กร
สี่ ธาตุไฟ หมายถึง ความสามารถในการแข่งขัน
แนะนำให้ทำ 3 อย่าง 1.ดึงดูดคนเก่ง 2.ลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน 3.สังคายนากฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา
ห้า ธาตุไม้ คือ ความยั่งยืน ตัวอย่างที่เห็นชัด คือ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)
นายสันติธารสรุปว่า 5 ธาตุนี้สามารถรับมือคลื่นยักษ์ 5D
นั่นคือ ใช้ธาตุลม ข้อมูลสร้างองค์ความรู้ ใช้ธาตุดิน ให้ความสำคัญคนเปราะบาง ใช้ธาตุน้ำ ยืดหยุ่นปรับตัว ใช้ธาตุไฟ เพิ่มความสามารถของเรา และใช้ธาตุไม้ คือ ยั่งยืน
ที่สำคัญคือต้องรักษาสมดุลทั้ง 5 ธาตุ
น่าสังเกตว่าวิทยากรทุกคนยอมรับว่าโลกและไทยมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อโจทย์คือการเปลี่ยนแปลง ทางรอดจึงมีเพียงการปรับตัว
ปรับตัวเพื่อลดขัดแย้ง ปรับตัวเพื่อพัฒนา
ร่วมกันฝ่ามรสุมวิกฤตไปให้ได้