คอลัมน์ เดินไปในเงาฝัน : ตั้งคำถามกับชีวิต

by Anubhav Saxena

จริงๆ แล้วการที่เราใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแบบมนุษย์เงินเดือน ตื่นเช้ามาทำงาน เย็นค่ำกลับบ้านเป็นเวลาหลายสิบปี จนกลายเป็นความเคยชิน อาจทำให้เราไม่เคยหยุดตั้งคำถามกับตัวเองว่า…มันใช่ความสุขจริงๆ หรือเปล่า

เพราะเราอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ

ผู้คนเดิมๆ

เพื่อนฝูงที่คบหาก็คนเดิมๆ

Advertisement

ดังนั้น เรื่องที่พูดคุยไม่ว่าจะจากวงข้าว หรือวงเหล้าก็จะคุยกันแต่เรื่องเดิมๆ จนหลายคน แม้เกษียณอายุแล้ว หรือใกล้ตายแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทำผ่านมา มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือไม่

เพราะด้วยสภาพแวดล้อมของครอบครัว ภาระความรับผิดชอบ ลูกเมีย ญาติพี่น้องที่ต้องดูแล ต่างทำให้เราต้องรีบแสวงหาเงิน แสวงหาความก้าวหน้าในอาชีพ

เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข

Advertisement

นอนอิ่ม กินสบาย

เรียนหนังสือในสถานที่ดีๆ

ทำงานในบริษัทที่มั่นคง

แต่สำหรับตัวเขา ในฐานะผู้นำครอบครัว หรือในฐานะพ่อ แม่ ลูก กลับไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเองเลย แม้กระทั่งการถามตัวเองสักครั้งว่า…ชีวิตที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันใช่ความสุขจริงๆ หรือเปล่า

จากประสบการณ์ ผมเคยมีเพื่อนบางคนที่ไม่เคยมีความสุขกับชีวิตเลย ทุกครั้งที่เจอกัน เขามักจะกล่าวโทษคนอื่นให้ฟัง

คนนั้นผิด

คนนี้ไม่ดี

คนนั้นเอาเปรียบ

คนนี้เห็นแก่ตัว

คนนั้นไม่เคยทำอะไรเลย แต่กลับได้ดิบ ได้ดี ส่วนเขาทำอะไรตั้งมากมาย แต่ไม่เคยอยู่ในสายตาหัวหน้าเลย ทั้งยังไม่เคยถูกพิจารณาเลื่อนขั้น เลื่อนเงินเดือน เหมือนอย่างคนอื่นเขา

ผมเคยเข้าไปนั่งฟังเพื่อนผม และพรรคพวกของเขาพูดคุยกันในวันหนึ่ง ทุกคนต่างคิดเหมือนกัน ทุกคนต่างพูดกันไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งยังมีมุมมองต่อคนที่ถูกกล่าวถึงเหมือนกัน

จนทำให้ผมรู้สึกว่าหากคนเรามีความคิดแบบเดียวกัน มองอะไรที่เหมือนๆ กัน และมีอารมณ์ในเรื่องเดียวกัน ต่อให้ใครจะมาช่วยแก้สมการ ก็ไม่มีทางแก้ไขได้

เพราะเขาจะคิดว่าคุณไม่ได้เป็นเหมือนผมนี่ หรือคุณไม่ถูกกระทำนี่ แล้วคุณจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร ซึ่งผมว่าเขาคิดถูกในแบบของเขา

แต่ผิดสำหรับผม

เพราะถ้าคุณเปลี่ยนองศาของการมอง การคิด การกระทำ และพยายามพูดคุยกับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน บางทีเราอาจจะมีมุมมองใหม่ที่นำมาแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย

แต่กระนั้น บางครั้ง และบางคนก็ไม่ได้มีมุมมองใหม่จากการพูดคุยกับคนอื่นเสมอไป แต่กลับมาจากหนังสือ บทเพลง หรือหนังบางเรื่อง

ผมเองก็เคยเป็นเช่นนั้น

สมัยเรียนมหา”ลัย ชีวิตของผมต่างเต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ทำให้ตัวเราจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ เพราะตอนนั้นมองไม่เห็นว่าเราจะเรียนจบได้อย่างไร

เพราะแม่ต้องมาออกจากราชการ

เงินเดือนของแม่ส่วนหนึ่งก็คือเงินเดือนของเราที่ต้องดำรงชีพอยู่ในเมืองหลวง และถ้าเรายังคงขอเงินเดือนแม่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เงินสะสมของเขาที่มีอยู่เพียงน้อยนิดก็จะค่อยๆ หมดลง

ผมตัดสินใจหางานทำ

เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย

จนความทุกข์ค่อยๆ ผันแปรเป็นความสุข ซึ่งความสุขที่เกิดขึ้นก็มาจากเพลงต่างๆ มากมายของวงคาราวาน เราฟัง เราก็คิด เราคิด เราก็พยายามหาคำตอบ

ซึ่งเหมือนกับหนังสือเรื่อง “สิทธารถะ” บทประพันธ์ของ “เฮอร์มันด์ เฮสเส” โดยมี “สดใส” เป็นผู้แปล เมื่อผมอ่าน ผมก็คิด และผมก็มีจินตนาการ จนพบว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ไม่ไกลจากตัวเราเลย

แต่กลับอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง

ก็เหมือนกับ “สิทธารถะ” ที่ค้นพบว่าแม่น้ำที่เขาแจวเรือข้ามฝั่งไปมานั่นเองคือหนทางแห่งความสุข เขานั่งมองแม่น้ำจนเข้าใจชีวิต

พอเข้าใจชีวิตก็มีความสุข

ซึ่งเหมือนกับหนังขาวดำเรื่อง “โดเดสกาเดน” จากประเทศญี่ปุ่น หนังเรื่องนี้เป็นหนังเด็ก ภาพเป็นขาวดำทั้งหมด แต่พยายามสื่อถึงความไม่ยอมแพ้ของคน

ตัวละครเอกเป็นเด็ก

เราในฐานะผู้ชมอายุมากกว่าเขาตั้งหลายปี

ทำไมเขาทำได้

และทำไมเราถึงทำไม่ได้

ดูหนังเสร็จ ผมเดินทอดน่องสูบบุหรี่เรื่อยมาจากหอประชุมเอยูเอมาจนถึงประตูน้ำ เพื่อต่อรถเมล์กลับหอ ผมก็พบคำตอบว่าเราก็ต้องทำได้เหมือนกับเขา

ผมจึงมีความเชื่อว่าไม่ว่าชีวิตของคนเราจะสะวิงบิดเบี้ยวไปทางไหนก็ตาม ต้องพยายามกระชากตัวเองกลับให้เร็วที่สุด แม้กระทั่งตอนผมมาทำงาน

บ่อยครั้งที่เราทำเรื่องแย่ๆ มากมาย

แต่พอเราได้อยู่กับตัวเอง บทเพลง หนังสือ หนัง ก็ทำให้เรากระชากตัวเองกลับได้ทุกครั้ง ซึ่งเหมือนไม่กี่วันผ่านมา ที่ผมต้องสัมภาษณ์คนสองคนในการจัดทำสารคดีสั้น เพื่อฉายในงานสัมมนาประชาชาติ ซีเอสอาร์ 360 องศา

คนหนึ่งคือ “เปิ้ล” พภัสสรณ์ จิรวราพันธ์

คนหนึ่งคือ “ต่อ” ฟีโนมีน่า

ทั้งสองคนนี้ผมเขียนลงในคอลัมน์นี้เมื่อสองสัปดาห์ และหนึ่งสัปดาห์ก่อน จนทำให้ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้เราคุยแต่เฉพาะนักธุรกิจ ดังนั้น มุมมองที่เราได้รับก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจล้วนๆ

แต่เมื่อผมมีโอกาสคุยกับ “เปิ้ล” และ “ต่อ” กลับทำให้ผมคิดว่า…คนเราต้องหัดตั้งคำถาม ถามตัวเองบ้างว่าทุกวันนี้ทำงานไปเพื่ออะไร

ทุกวันนี้มีความสุขจริงๆ หรือเปล่า

แม้ผมจะยังไม่พบคำตอบที่เด่นชัดในตอนนี้

แต่ผมก็รู้แล้วว่า…สิ่งที่ผมคิด คิด และก็คิด คิด เริ่มจะทำให้ผมเข้าใจชีวิตอีกครั้งหนึ่งแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image