| ที่มา | มติชนออนไลน์ |
|---|---|
| ผู้เขียน | นริศรา ดินแผ่น |
| เผยแพร่ |
วัยรุ่นเป็นวัยที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ซึ่งหากได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวและสถาบันการศึกษาเป็นอย่างดี ก็จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่วัยรุ่นในกระบวนการเปลี่ยนแปลง พร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ซึ่งในปีนี้ เข้าสู่ปีที่ 5 แล้วสำหรับโครงการอบรมยุวชนตำรวจ สพฐ. ซึ่งจัดกิจกรรมเน้นการทำงานร่วมกันเป็นทีม สร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของการเสียสละ สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ตลอดจนกิจกรรมจิตอาสาให้เยาวชน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ โดยศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน (ฉก.ชน.) ได้จัดโครงการอบรมยุวชนตำรวจ สพฐ. รุ่นที่ 5 ณ ค่ายหัตถวุฒิ จังหวัดสระบุรี มีน้องๆ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาจากหลากหลายโรงเรียนเข้าร่วมโครงการกว่า 300 คน โดยในครั้งนี้มาภายใต้แนวคิด “ทำความดีตามแนวพระราชดำริ” เพื่อให้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาร่วมกันทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครองราชย์ครบ 70 ปี รวมถึงการปลูกฝังให้นักเรียนนำค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการไปใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งการสร้างความปลอดภัยอย่างมีระบบและต่อเนื่องแบบบูรณาการ
นาย อำนาจ วิชยานุวัติ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวถึงโครงการในครั้งนี้ซึ่งเป็นความมือระหว่าง สพฐ. กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างบูรณาการ
“นักเรียนที่ผ่านการอบรมจะเป็นแกนนำยุวชนตำรวจ สพฐ. ทำงานร่วมกับครูฝ่ายปกครองและตำรวจ ในการป้องกันเฝ้าระวังการประพฤติตนไม่เหมาะสมของนักเรียนโดยเฉพาะในกลุ่มวัย รุ่นซึ่งเป็นวัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด การใช้สื่อออนไลน์ การทะเลาะวิวาท การใช้ความรุนแรง รวมทั้งอุบัติเหตุต่างๆ โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ด้านทักษะชีวิต การแก้ไขปัญหาเมื่อต้องเผชิญเหตุวิกฤต การดำเนินชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง มีจิตสาธารณะ มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตเชิงบวก”
กิจกรรม ครั้งนี้เยาวชนต่างร่วมมือกันทำกิจกรรมอย่างตั้งอกตั้งใจ ได้ไปร่วมส่งต่อความดีกันที่โรงเรียนบ้านคลองไทร ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โดยได้มีการจัดแบ่งกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ เช่น ปรับที่ดินรกร้างให้เป็นแปลงพืชผักสวนครัว การซ่อมแซมโรงอาหาร ทาสีอาคาร ปรับปรุงห้องสมุด เป็นต้น
ด.ช.ณรงค์ศักดิ์ เยายานัง (แจ็ค) นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนโยธินบูรณะ 2 (สุวรรณสุธาราม) กรุงเทพฯ ได้เล่าถึงประโยชน์ว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นประโยชน์ในการนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งต่อตนเองและสังคมรอบข้าง
“ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นอาสาสมัครกู้ ภัยในช่วงปิดเทอมของสมาคมศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย คุ้นเคยกับกิจกรรมประเภทจิตอาสาอยู่แล้ว แต่พอได้มาอบรม ก็ได้เรียนรู้หลักปฏิบัติมากขึ้น เช่น การใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ รู้จักวิธีการเอาตัวรอดเวลาเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติต่างๆ ทำให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันและต่อยอดใช้ในการ ปฏิบัติงานอาสากู้ภัยได้อีกด้วย อย่างเช่น หลักการพื้นฐานในการปฐมพยาบาล และหลักการหลบระเบิดเบื้องต้น”
ส่วน ด.ญ.ณัฐริกา นาถมภัย (ใบหม่อน) นักเรียนชั้น ม.2 ดีกรีรองประธานนักเรียนในระดับชั้นมัธยมต้น จากโรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ กรุงเทพฯ ที่ได้มาร่วมปิดท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า การร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ทำให้เราได้รับทราบถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้ง 3 วัน
“เราได้อ่าน และรู้ถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงในห้องเรียน แต่พอเราได้มาลงมือปฏิบัติจริงๆ อย่างวันนี้ได้มาลงมือปลูกแปลงเกษตรพืชผักสวนครัวให้น้องๆ ที่โรงเรียน ทำให้พวกเราเข้าใจหลักการกินอยู่แบบพอประมาณ การใช้ประโยชน์จากทรัพย์ที่อยู่ในดิน เราก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขบนพื้นฐานของความพอเพียง”
นับว่าเป็นโครงการดีๆ ที่ถือเป็นการเปิดประตูสู่การเรียนรู้นอกห้องเรียนจากประสบการณ์จริง บ่มเพาะให้เด็กและเยาวชนไทยมีภูมิคุ้มกันพร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
