คอลัมน์แทงก์ความคิด : ศก.ไทยไปต่อ

คอลัมน์แทงก์ความคิด : ศก.ไทยไปต่อ

คอลัมน์แทงก์ความคิด : ศก.ไทยไปต่อ

ได้ฟังสัมมนา “ปี 2021 ประเทศไทยไปต่อ” แล้วมองเห็นเส้นทางเศรษฐกิจ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ไปเป็นประธานและปาฐกถาพิเศษ ได้บอกสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้

ปี 2564 เป็นช่วงเชื่อมต่อระหว่าง “วิกฤตโควิด-19” กับ “ช่วงหลังวิกฤตโควิด-19”

Advertisement

ปีนี้เศรษฐกิจไทยยังต้องประคับประคอง

แม้สถานการณ์ระบาดรอบใหม่เมื่อต้นปีจะเขย่าการเติบโตทางเศรษฐกิจไปบ้าง

กระทั่งคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจไทยจะโตสูงสุด 3 เปอร์เซ็นต์

Advertisement

แต่สำหรับนายสุพัฒนพงษ์แล้ว มองเห็นหนทางที่จีดีพีจะโตถึง 4 เปอร์เซ็นต์

รองนายกฯบอกว่า สถานการณ์เมื่อปี 2563 ทำให้คนไทยเก็บเงินมากขึ้น

เงินออมปี 2563 จึงสูงขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ รวมๆ แล้วเป็นแสนล้านบาท

ถ้าปีนี้ สถานการณ์ผ่อนคลาย ผู้คนออกมาใช้จ่ายกันมากๆ โอกาสที่จีดีพีจะแตะ 4 เปอร์เซ็นต์ ก็มีให้เห็น

ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน

ทั้งรัฐบาล ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน

เมื่อนายสุพัฒนพงษ์ปูทางให้เห็นแนวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ก็ออกมาขยายแนวคิด

ฟังแล้วทราบว่าไม่เพียงแต่เศรษฐกิจไทยเท่านั้นที่กำลังพ้นวิกฤต

เศรษฐกิจโลกก็กำลังพ้นวิกฤตโควิด-19 ด้วยเช่นกัน

ประมาณว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 5.6 เปอร์เซ็นต์ และนี่จึงเป็นคำตอบว่าทำไมไทยต้องเติบโต 4 เปอร์เซ็นต์

เพราะไทยต้องยืนอยู่บนโลก ต้องแข่งขันกับอีกหลายประเทศ

ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับนานาชาติ และค่าเฉลี่ยของโลก จึงมีความสำคัญ

นายผยงบอกว่า เศรษฐกิจต่อไปนี้ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย 4 ประการ

หนึ่ง หนีไม่พ้นนิว นอร์มอล สอง โลกกำลังวางกฎระเบียบใหม่ การทำธุรกิจต่อไปต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สาม เป็นผลจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ไทยมีหนี้ที่ต้องแบก

และ สี่ เป็นเรื่องขีดความสามารถการแข่งขันของไทยที่เริ่มด้อยกว่าเพื่อนบ้านบางประเด็น

ความท้าทายทั้ง 4 ข้อ คือสิ่งที่ไทยต้องผ่านทะลุเพื่อก้าวไปข้างหน้า

อีกช่วงเวลาหนึ่งในการสัมมนาที่น่าสนใจ

นั่นคือช่วงเวลาการเสวนาในหัวข้อ “ประเทศไทยจะไปต่อได้อย่างไร”

มี นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ขึ้นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

นายศุภชัย ฉายภาพจากไอเดีย เสนอให้ประเทศไทย “ปรับภูมิยุทธศาสตร์”

เฟ้นหาข้อดีของประเทศ สร้างจุดเด่นให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดการลงทุน

ปรับประเทศให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ ถ้าทำได้ไทยจะเป็นศูนย์กลางการค้า

ถ้าทำได้ ไทยจะเป็นศูนย์กลางการเงิน และอื่นๆ

การจะทำเช่นนั้นได้ รัฐบาล ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนต้องร่วมมือกันเปลี่ยนแปลง

ขณะที่นายฐาปน ชักชวนให้เห็นโอกาสในวิกฤต

พร้อมทั้งฝาก 4 คำในการค้นหาโอกาสผลักดันธุรกิจและเศรษฐกิจ

นั่นคือ มองเรา มองโลก ปรับปรุงตัวเรา เขย่าโลก

นายฐาปนยังมองเห็นความสำคัญของเทคโนโลยี และคนรุ่นใหม่

และเสนอให้ดึงเทคโนโลยีใหม่มาใช้ประโยชน์ แนะนำให้รีสกิล อัพสกิล ตัวเอง

และดึงคนรุ่นใหม่ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

นี่เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาในวันสัมมนา

ความจริงแล้ว เนื้อหาสาระในงานมีมากกว่านี้ ใครสนใจรายละเอียดสามารถค้นหาจากเฟซบุ๊กเครือมติชน หรือจะคอยดูจาก www.matichon.co.th ซึ่งจะทยอยนำเสนอก็ได้

ใครติดตามงานสัมมนาของมติชนที่จัดขึ้นเนื่องในวันเกิด 9 มกราคมอยู่เนืองๆ คงสัมผัสความเป็นไปได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย

พัฒนาจากเพลี่ยงพล้ำจนอยู่ในวิกฤต เผชิญหน้ากับความมืด

แล้วค่อยๆ ประคับประคอง พยุงตัวฝืนฝ่าวิกฤตจนเห็นแสงสว่าง

มาวันนี้รัฐบาล ภาครัฐ และภาคเอกชน อาจรวมถึงประชาชนด้วยที่มองเห็นเส้นทางการเดินแล้ว

เหลือเพียงความร่วมมือร่วมใจ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า

วิกฤตที่เกิดขึ้น เรียกร้องให้เราเห็นความสำคัญของความสามัคคี

การแก้ไขวิกฤตต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย

เช่นเดียวกับการพัฒนาประเทศ หากปราศจากความร่วมมือ ชาติบ้านเมืองคงเดินหน้าลำบาก

ดังนั้น คนไทยทุกคนจึงมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อน

ประเทศไทยจะไปต่อได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกคน

การสัมมนาครั้งนี้ทำให้มองเห็นเป้าหมาย และมองเห็นวิธีการ

คอลัมน์แทงก์ความคิด : ศก.ไทยไปต่อ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image